Post#4-057:
แม้ผมจะเชื่ออยู่แก่ใจว่า ความยุติธรรม เป็นสิ่งที่หาได้ยากเหลือเกินในโลก...หากแต่ ทั้งนายจ้างและลูกจ้าง ก็ควรธำรงไว้ซึ่ง ความไม่เอารัดเอาเปรียบ ซึ่งกันและกัน
บางเรื่องนายจ้างต้องยอมเสียเปรียบ และก็เป็นความอันควรที่ลูกจ้างอาจต้องยอมเสียเปรียบในบางเรื่อง เช่นกัน
ไม่ใช่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดต้องเป็นฝ่ายเสียสละแต่เพียงฝ่ายเดียว แบบตลอดกาล
...
เรื่องหนึ่งที่ผมไม่ค่อยจะยอมทนในฐานะฝ่ายนายจ้างก็คือ ความไม่ใส่ใจในหน้าที่ ของลูกจ้าง...โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงเดือนสุดท้าย หลังจากที่เขาหรือเธอตัดสินใจยื่นใบลาออก
ตัวผมเองก็ "เคย" เป็นลูกจ้างมืออาชีพมานานหลายสิบปี และปัจจุบัน ก็อยู่ในสถานะเป็นทั้งนายจ้างและลูกจ้าง...ดังนั้น ผมจึงเข้าใจมุมมองของทั้งสองฝ่ายได้เป็นอย่างดี
และเมื่อมองย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่เป็นลูกจ้าง...ผมก็เคยเป็นทั้งลูกจ้างที่ปล่อยปละละเลยในเดือนสุดท้ายของการจ้าง และเคยเป็นทั้งลูกจ้างที่ทุ่มเทสุดๆ ในเดือนสุดท้ายของการจ้าง เช่นกัน
ถึงตรงนี้แล้ว ผมคงไม่ต้องบอกว่า แบบไหนเป็นแบบอย่างที่ถูกต้อง...กระมังครับ?
...
โดยปกติ เดือนสุดท้ายของการทำงาน ผมมักพบว่า ลูกจ้างจะต้องใช้วันลาพักร้อนที่เหลือให้ครบ...แบบนี้ ผมสนับสนุนเป็นอย่างยิ่ง ที่ลูกจ้างจะพึงรักษาสิทธิ์ของตัวเอง
แต่การลาป่วยแบบมาวันหนึ่งหยุดสองวัน แถมด้วยมาสายบ่อยๆ กลับก่อนถี่ๆ ด้วยเหตุผลว่า ก็เดือนสุดท้ายแล้ว จะมาอะไรกันหนักหนา...
แบบนี้ ผมว่า เป็นการเอาเปรียบนายจ้างแบบไร้ซึ่งสำนึกและจรรยาแห่งความเป็นลูกจ้าง
...
สำหรับคนที่กำลังจะลาออกจากงานปัจจุบัน...สมควรอย่างยิ่งที่คุณจะต้องทำให้การลาออก เป็นเรื่องที่สง่างาม
เรื่องที่ควรจะทำในเดือนสุดท้ายนั้นมีมากมาย เช่น ไม่หยุดงานโดยไม่ควรแก่เหตุ, ทำรายงานถึงเรื่องที่คั่งค้าง และการดำเนินการที่ต้องทำต่อ, ส่งมอบข้อมูลและบันทึกการเข้าถึงข้อมูลในคอมพิวเตอร์ ให้ชัดเจน, แจ้งให้คู่ค้าและคนที่เกี่ยวข้องรับทราบ, ฯลฯ
ทั้งนี้ เพื่อให้การส่งมอบงานหรือถ่ายทอดงาน เป็นไปได้ด้วยดี และไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อนายจ้าง
อย่าลืมว่า หากคุณต้องการจะได้รับเงินเดือนเต็มเม็ดเต็มหน่วยในเดือนสุดท้าย คุณก็ควรต้องทำงานอย่างเต็มที่ในเดือนสุดท้ายด้วยเช่นกัน
...ดังนี้ คุณจึงจะได้ชื่อว่า "อยู่ให้ไว้ใจ ไปให้คิดถึง" ไม่ใช่ "อยู่ไปทำไม ไปให้พ้นๆ"...
#ลาออกไม่ใช่เรื่องเลวร้ายหากแต่ต้องทำให้มันเป็นความสง่างาม #จากกันแบบอาลัยยังไงก็ดีกว่าสาปส่งกันและกัน #ศักดิ์ศรีของมนุษย์เงินเดือนคือการสร้างคุณค่าแลกค่าจ้าง #ไม่ใช่เอาเวลามาแลกค่าจ้าง
แม้ผมจะเชื่ออยู่แก่ใจว่า ความยุติธรรม เป็นสิ่งที่หาได้ยากเหลือเกินในโลก...หากแต่ ทั้งนายจ้างและลูกจ้าง ก็ควรธำรงไว้ซึ่ง ความไม่เอารัดเอาเปรียบ ซึ่งกันและกัน
บางเรื่องนายจ้างต้องยอมเสียเปรียบ และก็เป็นความอันควรที่ลูกจ้างอาจต้องยอมเสียเปรียบในบางเรื่อง เช่นกัน
ไม่ใช่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดต้องเป็นฝ่ายเสียสละแต่เพียงฝ่ายเดียว แบบตลอดกาล
...
เรื่องหนึ่งที่ผมไม่ค่อยจะยอมทนในฐานะฝ่ายนายจ้างก็คือ ความไม่ใส่ใจในหน้าที่ ของลูกจ้าง...โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงเดือนสุดท้าย หลังจากที่เขาหรือเธอตัดสินใจยื่นใบลาออก
ตัวผมเองก็ "เคย" เป็นลูกจ้างมืออาชีพมานานหลายสิบปี และปัจจุบัน ก็อยู่ในสถานะเป็นทั้งนายจ้างและลูกจ้าง...ดังนั้น ผมจึงเข้าใจมุมมองของทั้งสองฝ่ายได้เป็นอย่างดี
และเมื่อมองย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่เป็นลูกจ้าง...ผมก็เคยเป็นทั้งลูกจ้างที่ปล่อยปละละเลยในเดือนสุดท้ายของการจ้าง และเคยเป็นทั้งลูกจ้างที่ทุ่มเทสุดๆ ในเดือนสุดท้ายของการจ้าง เช่นกัน
ถึงตรงนี้แล้ว ผมคงไม่ต้องบอกว่า แบบไหนเป็นแบบอย่างที่ถูกต้อง...กระมังครับ?
...
โดยปกติ เดือนสุดท้ายของการทำงาน ผมมักพบว่า ลูกจ้างจะต้องใช้วันลาพักร้อนที่เหลือให้ครบ...แบบนี้ ผมสนับสนุนเป็นอย่างยิ่ง ที่ลูกจ้างจะพึงรักษาสิทธิ์ของตัวเอง
แต่การลาป่วยแบบมาวันหนึ่งหยุดสองวัน แถมด้วยมาสายบ่อยๆ กลับก่อนถี่ๆ ด้วยเหตุผลว่า ก็เดือนสุดท้ายแล้ว จะมาอะไรกันหนักหนา...
แบบนี้ ผมว่า เป็นการเอาเปรียบนายจ้างแบบไร้ซึ่งสำนึกและจรรยาแห่งความเป็นลูกจ้าง
...
สำหรับคนที่กำลังจะลาออกจากงานปัจจุบัน...สมควรอย่างยิ่งที่คุณจะต้องทำให้การลาออก เป็นเรื่องที่สง่างาม
เรื่องที่ควรจะทำในเดือนสุดท้ายนั้นมีมากมาย เช่น ไม่หยุดงานโดยไม่ควรแก่เหตุ, ทำรายงานถึงเรื่องที่คั่งค้าง และการดำเนินการที่ต้องทำต่อ, ส่งมอบข้อมูลและบันทึกการเข้าถึงข้อมูลในคอมพิวเตอร์ ให้ชัดเจน, แจ้งให้คู่ค้าและคนที่เกี่ยวข้องรับทราบ, ฯลฯ
ทั้งนี้ เพื่อให้การส่งมอบงานหรือถ่ายทอดงาน เป็นไปได้ด้วยดี และไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อนายจ้าง
อย่าลืมว่า หากคุณต้องการจะได้รับเงินเดือนเต็มเม็ดเต็มหน่วยในเดือนสุดท้าย คุณก็ควรต้องทำงานอย่างเต็มที่ในเดือนสุดท้ายด้วยเช่นกัน
...ดังนี้ คุณจึงจะได้ชื่อว่า "อยู่ให้ไว้ใจ ไปให้คิดถึง" ไม่ใช่ "อยู่ไปทำไม ไปให้พ้นๆ"...
#ลาออกไม่ใช่เรื่องเลวร้ายหากแต่ต้องทำให้มันเป็นความสง่างาม #จากกันแบบอาลัยยังไงก็ดีกว่าสาปส่งกันและกัน #ศักดิ์ศรีของมนุษย์เงินเดือนคือการสร้างคุณค่าแลกค่าจ้าง #ไม่ใช่เอาเวลามาแลกค่าจ้าง
Comments
Post a Comment