Skip to main content

Post#4-075: ทดสอบ IQ

Post#4-075:
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมและภรรยาพาลูกสาวไปทดสอบ IQ กันมา...สืบเนื่องมาจากที่ภรรยาผมเกิดอยากรู้ขึ้นมาเสียอย่างนั้น ว่าลูกสาวมี IQ เท่าไหร่กันหนอ?

การทดสอบ IQ ที่ว่า ใช้เวลาประมาณ 45-65 นาที โดยมีการทดสอบในหลายๆ เรื่อง ตามมาตรฐานของ WISC-Version IV

เท่าที่ผมทราบ...WISC นี้ ก็ถือเป็นแบบทดสอบ IQ ที่มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับ Global และเมื่อสืบค้นเพิ่มเติม ก็ดูเป็นการทดสอบที่มีโครงสร้างที่เป็นหลักเป็นเกณฑ์ที่ Ok

แต่ที่ผมติดปัญหาคือ ผู้วัดผลและผู้อ่านผล...ที่ผมไม่ค่อยมั่นใจเอาจริงๆ ว่า มีคุณภาพเพียงพอที่จะเป็นผู้วัดผลและผู้อ่านผล จริงมั๊ย?

...

ที่พูดแบบนี้ ไม่ได้แปลว่า ผมโกรธหรือไม่พอใจอะไรหรอกนะครับ...ผลสอบ IQ ของลูกสาวของผมก็ออกมาไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่เลย

ตรงกันข้าม...ผลทดสอบในบางหัวข้อนั้น ออกมาเป็น Super Superior เกินกว่าค่าเฉลี่ยไป "มาก" เสียด้วยซ้ำ

ซึ่งมันทำให้ผมต้องทบทวนว่า การวัดผลที่ต้องอาศัย judgement ของคนนั้น อาจจะมี bias ได้ค่อนข้างมาก

และถ้าคนวัดผลมีคุณภาพไม่ถึงขั้น ต่อให้มาตรวัดผลจะดียังไง...ผลลัพธ์ก็ไม่มีวันที่จะดีไปได้

...

ลองคิดภาพย้อนกลับไปสมัยประถมดูก็ได้ครับ...เมื่อครั้งที่เราต้องสอบอ่านออกเสียงกับคุณครู

แบบทดสอบของเรากับเพื่อนก็แบบเดียวกัน, ครูก็สอนมาแบบเดียวกัน...แต่ตอนไปยืนสอบอ่านออกเสียงให้ครูฟัง ของเราได้คะแนนดี แต่เพื่อนดันไปสอบตอนครูอารมณ์ไม่ดี ก็เลยได้คะแนนน้อยกว่า

ถามว่า อะไรที่เป็นปัญหา?

ข้อสอบ หรือตัวครู

...

เอาอีกตัวอย่างหนึ่งก็ได้ครับ...จะได้เห็นภาพชัดเจนขึ้น

เราอาจจะเคยถกเถียงกันว่า ตกลงน้ำประปาบ้านเรานั้น มันสะอาดพอจะดื่มได้มั๊ยหนอ?

เถียงกันไปเถียงกันมาอยู่หลายปี...ผมว่าหลายๆ คนก็คงได้ข้อสรุปคล้ายๆ ผม ว่าน้ำประปาก็อาจจะสะอาดพอดื่มได้จริงๆ นั่นแหละ

...แต่ท่อน้ำประปาที่ลำเลียงน้ำมาถึงบ้านเราน่ะ แน่ใจได้ใช่มั๊ยว่า มันสะอาดจริงๆ?

น้ำสะอาดผ่านท่อสกปรก จะคงความเป็นน้ำสะอาดได้ยังไง?

การทดสอบที่มีมาตรฐานแต่วัดผลโดยผู้วัดผลที่อาจมีมาตรฐานไม่ถึง...เราจะเชื่อผลการวัดนั้นได้ยังไง?

...

ยังไงก็ตาม...ผมก็ยังเชื่อว่า แม้ IQ จะจำเป็นและสำคัญยิ่งสำหรับกระบวนการเรียนรู้ของเด็กๆ

แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าสำหรับผม...ก็คือการช่วยให้เด็กๆ มี EQ ที่ดีเลิศและเกินกว่า IQ ที่พวกเค้ามี

จริงอยู่ที่การมี IQ ที่สูง แปลว่า มีความรู้สูง...แต่ทำไมบ่อยครั้งที่เราเห็นพวก IQ สูงๆ ไม่สามารถอยู่บนโลกได้อย่างเป็นสุข?

นั่นเพราะการมี IQ สูง แต่ขาด EQ ควบคุม จะทำให้เราดูถูกคนอื่น...ข้าเจ๋งคนเดียว ว่างั้น

"ก็ถ้าเมิงเจ๋งอยู่คนเดียว...เมิงก็อยู่คนเดียวไปละกัน"...อยากให้ใครมาบอกลูกเราแบบนี้มั๊ยล่ะครับ?

...

สำหรับผมแล้ว...EQ จึงหมายถึง ความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับโลก...พูดง่ายๆ EQ ก็คือตัวชี้วัด Attitude นั่นเอง

ถ้าลูกมี Attitude ที่ดี...นั่นควรหมายความว่า เค้าน่าจะมีกำลังสติและกำลังใจที่เข้มแข็งเพียงพอ สามารถรับมือกับวันดีคืนร้ายได้ โดยที่เราไม่ต้องไปกังวลกับเค้ามากนัก

ดังนั้น ถ้าสอนให้ลูกมี EQ ที่ดีได้...ก็เป็นอันพอจะสบายใจได้ ว่าลูกน่าจะอยู่บนโลกนี้ ได้อย่างไม่ลำบากจนเกินไปนัก

...

IQ เป็นเรื่องที่พัฒนาได้ เสริมสร้างได้ตามช่วงอายุที่เติบโตขึ้น แต่ EQ เป็นเรื่องที่เปลี่ยนแปลงได้ยากมาก ซึ่งจะดีกว่าหากเราปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ไม่ดีของพวกเค้าตั้งแต่ยังอายุน้อยๆ

หรือที่เราได้ยินกันบ่อยๆ ว่า "ไม่อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก" นั่นแหละครับ

..."ขับรถเป็น" ไม่ได้แปลว่า "ขับรถดี" ฉันใด...ฝึกลูกให้ "เก่ง" ก็ง่ายกว่าฝึกลูกให้ "ดี" ฉันนั้นครับ

#มีลูกที่เก่งแต่ดีก็น่าจะดีกว่ามีลูกที่ดีแต่เก่ง #ยังไงEQก็สำคัญกว่าIQ #มีEQดีย่อมจะพัฒนาIQได้ #มีIQสูงไม่ได้แปลว่าEQจะสูงตาม

* สนใจเรื่องการวัด IQ เพิ่มเติม ลองดูที่:

https://en.m.wikipedia.org/wiki/Wechsler_Intelligence_Scale_for_Children

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...