Skip to main content

Post#4-073: เดินตามคนหมู่มาก

Post#4-073:
เมื่อเช้าระหว่างผมรอขึ้นเครื่อง เนื่องจากหมายเลขที่นั่งผมอยู่ท้ายๆ เลยเดินไปเข้าห้องน้ำฆ่าเวลา

ออกจากห้องน้ำ ก็เห็นผู้โดยสารบางตา เพราะเดินเข้า Gate ไปกันเกือบหมดแล้ว...ผมก็เลยเดินตามเข้าไปแบบสบายๆ ไม่ได้เร่งรีบ

พอเดินเข้าไปก็พบว่า ผู้โดยสารไปกระจุกตัวกันอยู่ด้านใน...และไม่กี่นาทีถัดมา ก็ปรากฏว่า คนก่อนหน้าผมกว่าเจ็ดแปดสิบชีวิต ต่างเดินย้อนทางกลับมาทั้งหมด

หลังจากยืนงงว่าเกิดอะไรขึ้นอยู่พักหนึ่งจึงพบว่า ทั้งเจ็ดแปดสิบชีวิตนั้นเดินเข้าผิดช่อง!

...

หลังจากสังเกตดูแล้ว การที่ทั้งหมดเดินเข้าผิดช่องนั้น ก็เพราะผู้โดยสารคนแรกเดินเข้าผิดช่องก่อนนั่นเอง

แล้วทั้งหมดก็พลอยผิดไปด้วย...

ไม่มีใครสังเกตป้าย เอาแต่เดินตามคนข้างหน้าไปทั้งหมด...ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะขำดีหรือจะเบ้ปากมองบนดี

...

จะว่าไป ชีวิตจริงของคนจำนวนไม่น้อย ก็เจอทำอะไรคล้ายๆ แบบนี้บ่อยๆ

คือไม่ได้ใช้สติพินิจพิจารณาอะไรนั้น...ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผิดหรือว่าถูก...เอาว่า เห็นคนหมู่มากเค้าทำอะไร ก็แห่ทำตามเค้าไปทั้งสิ้น

ลองคิดดูว่า ถ้าเหตุการณ์เมื่อเช้านี้ เป็นการเดินลงเหวของคนเดินนำ อะไรจะเกิดขึ้นบ้าง?

ลองคิดดูว่า ถ้าเป็นองค์กรฯ แล้วมีแต่คนทำอะไรตามๆ กันไป...องค์กรฯ นั้น จะมีสภาพเป็นยังไงหนอ?

ดังนั้น ก่อนจะลงมือทำอะไร จึงต้องหยุดคิดสักนิด หรือสังเกตสักหน่อย...ไม่ใช่ทำตามคนอื่นไปแบบไร้สติ

...

แม้ว่าการทำอะไรตามอย่างคนหมู่มาก จะทำให้เรารู้สึกปลอดภัย...แต่ก็ไม่ได้มีอะไรมาการันตีว่า สิ่งที่คนหมู่มากเลือกทำคือสิ่งที่ถูกต้อง

และก็ไม่ได้หมายความว่า เราจำเป็นต้องทำอะไรที่ผิดแผกแตกต่างคนอื่นเสมอไปเสียเมื่อไหร่

...แต่เราต้องมีสติอยู่กับตัว รู้จักสังเกต, คิด, วิเคราะห์...แล้วจึงค่อยลงมือ...

#ไม่น่าเชื่อว่าจะเดินตามกันผิดๆได้เยอะขนาดนั้น #เหมือนฝูงแกะที่เข้าแถวกระโดดหน้าผา #ทำอะไรตามคนอื่นแบบไม่มีสตินี่น่ากลัว #ตายหมู่ไม่เหงาแต่อาจโง่

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...