Post#4-061:
คุณเชื่อเรื่องผีมั๊ยครับ?
แล้วเรื่องมนุษย์ต่างดาวล่ะครับ?
เรื่องแรกเป็นไสยศาสตร์ ส่วนเรื่องหลังเป็นวิทยาศาสตร์...ซึ่งทุกคนก็ล้วนทราบดีว่า ต่างก็เป็นเรื่องยังพิสูจน์ไม่ได้แบบจะแจ้ง...ทั้งคู่
...
เราพิสูจน์เรื่องชีวิตหลังความตายไม่ได้...ด้วยเหตุเพราะระดับแห่งจิตของเรายังไม่ถึงขั้น
ส่วนเรื่องมนุษย์ต่างดาว...เราพิสูจน์ไม่ได้เพราะระดับเทคโนโลยีของเรายังไม่สูงพอ
แต่น่าแปลกที่เมื่อศึกษาไปถึงระดับหนึ่ง...Guru พบว่า ทั้งเรื่องผีและเรื่องมนุษย์ต่างดาว ต่างก็เป็นเรื่องเดียวกัน
ที่ว่าเป็นเรื่องเดียวกัน เพราะต่างก็อ้างอิงข้อมูลการค้นพบของทั้งสองเรื่องนี้ ด้วยญาณหยั่งรู้ขององค์พระสัพพัญญู ทั้งสิ้น
และเราต่างก็ไม่มีวันฟันธงได้ว่า "จริงหรือไม่" จนกว่าจะได้เจริญวิปัสสนากรรมฐาน จนมีกำลังของจิตและอภิญญาไปถึงระดับนั้นๆ
...
ทั้งๆ ที่ดูเหมือนว่าเรื่องไสยศาสตร์และวิทยาศาสตร์ไม่น่าจะเป็นเรื่องเดียวกัน...แต่ที่แท้ล้วนเป็นเรื่องที่มีรากเหง้ามาจากจุดเริ่มต้นเดียวกัน
แปลกมั๊ยล่ะครับ?
เมื่อศึกษาวิทยาศาสตร์ไปถึงระดับหนึ่ง กลับต้องอธิบายถึงการค้นพบและตรรกะด้วยวิชาแห่งจิต
เมื่อศึกษาไสยศาสตร์ไปถึงระดับหนึ่ง เรากลับสามารถอธิบายทุกอย่างแบบเป็นขั้นเป็นตอน ราวกับอ่านจากตำราวิทยาศาสตร์
เมื่อศึกษาโครงสร้างของควาร์กซึ่งเป็นอนุภาคที่เล็กที่สุด จึงเข้าใจจักรวาลที่ใหญ่ที่สุด
และเมื่อศึกษาเรื่องราวของรากเหง้าแห่งจิตที่ละเอียดที่สุด กลับพบว่ามันเป็นการศึกษาที่อาจหาปลายทางไม่เจอ เหมือนๆ กับที่เราไม่รู้ว่าขอบจักรวาลอยู่ตรงไหน?
...หรือจริงๆ แล้ว ยิ่งศึกษาและยิ่งค้นคว้า เรายิ่งค้นพบว่า เรายังไม่รู้อะไรอีกมากมายนัก?
...หรือนี่จะเป็นข้อความของพระเจ้าที่ซ่อนอยู่ในธรรมชาติ...เพื่อใช้เตือนสติมนุษย์ว่า
...ไม่ว่าเจ้าจะคิดว่าตัวเองฉลาดล้ำสักเพียงไร...ความรู้ของเจ้ามันก็เปรียบได้แค่ "ธุลีหนึ่ง" ในองค์ความรู้ทั้งหมดของจักรวาลอันเวิ้งว้างหาที่สิ้นสุดมิได้...เท่านั้น...
คุณเชื่อเรื่องผีมั๊ยครับ?
แล้วเรื่องมนุษย์ต่างดาวล่ะครับ?
เรื่องแรกเป็นไสยศาสตร์ ส่วนเรื่องหลังเป็นวิทยาศาสตร์...ซึ่งทุกคนก็ล้วนทราบดีว่า ต่างก็เป็นเรื่องยังพิสูจน์ไม่ได้แบบจะแจ้ง...ทั้งคู่
...
เราพิสูจน์เรื่องชีวิตหลังความตายไม่ได้...ด้วยเหตุเพราะระดับแห่งจิตของเรายังไม่ถึงขั้น
ส่วนเรื่องมนุษย์ต่างดาว...เราพิสูจน์ไม่ได้เพราะระดับเทคโนโลยีของเรายังไม่สูงพอ
แต่น่าแปลกที่เมื่อศึกษาไปถึงระดับหนึ่ง...Guru พบว่า ทั้งเรื่องผีและเรื่องมนุษย์ต่างดาว ต่างก็เป็นเรื่องเดียวกัน
ที่ว่าเป็นเรื่องเดียวกัน เพราะต่างก็อ้างอิงข้อมูลการค้นพบของทั้งสองเรื่องนี้ ด้วยญาณหยั่งรู้ขององค์พระสัพพัญญู ทั้งสิ้น
และเราต่างก็ไม่มีวันฟันธงได้ว่า "จริงหรือไม่" จนกว่าจะได้เจริญวิปัสสนากรรมฐาน จนมีกำลังของจิตและอภิญญาไปถึงระดับนั้นๆ
...
ทั้งๆ ที่ดูเหมือนว่าเรื่องไสยศาสตร์และวิทยาศาสตร์ไม่น่าจะเป็นเรื่องเดียวกัน...แต่ที่แท้ล้วนเป็นเรื่องที่มีรากเหง้ามาจากจุดเริ่มต้นเดียวกัน
แปลกมั๊ยล่ะครับ?
เมื่อศึกษาวิทยาศาสตร์ไปถึงระดับหนึ่ง กลับต้องอธิบายถึงการค้นพบและตรรกะด้วยวิชาแห่งจิต
เมื่อศึกษาไสยศาสตร์ไปถึงระดับหนึ่ง เรากลับสามารถอธิบายทุกอย่างแบบเป็นขั้นเป็นตอน ราวกับอ่านจากตำราวิทยาศาสตร์
เมื่อศึกษาโครงสร้างของควาร์กซึ่งเป็นอนุภาคที่เล็กที่สุด จึงเข้าใจจักรวาลที่ใหญ่ที่สุด
และเมื่อศึกษาเรื่องราวของรากเหง้าแห่งจิตที่ละเอียดที่สุด กลับพบว่ามันเป็นการศึกษาที่อาจหาปลายทางไม่เจอ เหมือนๆ กับที่เราไม่รู้ว่าขอบจักรวาลอยู่ตรงไหน?
...หรือจริงๆ แล้ว ยิ่งศึกษาและยิ่งค้นคว้า เรายิ่งค้นพบว่า เรายังไม่รู้อะไรอีกมากมายนัก?
...หรือนี่จะเป็นข้อความของพระเจ้าที่ซ่อนอยู่ในธรรมชาติ...เพื่อใช้เตือนสติมนุษย์ว่า
...ไม่ว่าเจ้าจะคิดว่าตัวเองฉลาดล้ำสักเพียงไร...ความรู้ของเจ้ามันก็เปรียบได้แค่ "ธุลีหนึ่ง" ในองค์ความรู้ทั้งหมดของจักรวาลอันเวิ้งว้างหาที่สิ้นสุดมิได้...เท่านั้น...
Comments
Post a Comment