Post#4-085:
เมื่อค่ำวานนี้ พี่ S (ที่ผมเคยเล่าถึงใน Post#3-283) เล่าให้ผมฟังว่า พี่เค้าได้ไปเข้าค่ายวิปัสสนามาถึง 10 วันเต็มๆ
สำหรับผม...นี่นับเป็นเรื่องที่ไม่แน่ใจว่า จะทำได้หรือไม่ กับการที่ต้องตัดขาดจากการรับรู้เรื่องโลกโดยสิ้นเชิงแบบนี้ถึง 10 วันเต็มๆ
เป็น 10 วันที่เราต้องอยู่กับตัวเอง...พินิจและพิจารณาถึงอายาตนะภายใน ไม่รับรู้ความเป็นไปประดามี...รู้เพียงเรื่อง "จิต" ของเราเองเท่านั้น
...
มานั่งนึกดูดีๆ แล้ว...จนกระทั่งอายุปูนนี้แล้ว ผมก็ยังไม่เคยนั่งสมาธิได้เกินกว่าชั่วโมงเลย...เพราะทุกครั้งที่นั่ง ผมจะถูก "นิวรณ์ 5" เป็นตัวกั้นขวาง
โดยเฉพาะ "วิจิกิจฉา" ที่ชวนให้จิตของผมสงสัยเรื่องนั้น แส่ส่ายไปเรื่องนู้น...ให้เป็นที่วุ่นวาย
รวมความแล้ว...ก็น่าจะเพราะจิตผมยังไม่มีกำลังที่กล้าแข็งพอที่จะต่อสู้กับขบวนการเซนไตที่ชื่อ "นิวรณ์" นั่นเอง
...
ส่วนตัวผมเองรู้ดีว่า "จิต" เป็นเรื่องซับซ้อนและเข้าใจได้ยาก...ยากในระดับที่ไม่ห่างมากนักกับ "อจินไตย" เลยทีเดียว
ก็เพราะเรื่องจิตนั้นยาก...การยกระดับจิตให้พ้นจาก "โลกิยะ" ไปสู่ "โลกุตระ" จึงเป็นเรื่องเกือบจะเกินฝันของปุถุชน
และที่เราๆ ท่านๆ ไม่อาจหลุดพ้นจากโลกีวิสัยได้นั้น ก็เพราะเราไม่อาจครองจิตให้อยู่ในกระแสโลกุตระได้ยาวนานและต่อเนื่องมากพอ
การครองจิตไม่ได้อย่างต่อเนื่องนั้น ก็ด้วยเพราะเราขาดกำลังสติ...และการขาดกำลังสตินั้น ก็เกี่ยวเนื่องมาจากการขาดกำลังสมาธิที่เข้มแข็ง
...
การที่พี่ S มีโอกาสอันดีถึง 10 วัน จึงเป็นเรื่องที่ผมแอบ "อิจฉา" เล็กๆ แต่จิตอนุโมทนาของผมนั้น ใหญ่กว่า
เห็นหน้าพี่ S (รวมถึงพี่ T ที่เล่าเมื่อวาน) แล้วรู้แจ้งเลยครับ ว่าคนที่ "สวย" จากภายในนั้น ย่อมต้องมาจากคนที่ "ใจ" สบาย เท่านั้น
ใครมีโอกาสแล้ว หรือกำลังจะมีโอกาสแบบพี่ S, ผมก็ขออนุโมทนาสาธุด้วยจริงๆ ครับ...ที่จะได้มีโอกาส "เดินทางไกล" เพื่อจาริกแสวงหา "โภคยทรัพย์" ไว้ต่อทุนในชาติภพหน้า
...
ถ้าไม่หมั่นฝึกฝนจิตอย่างต่อเนื่อง ด้วยการนั่งสมาธิ ก็เป็นอันยากที่เราจะมีกำลังจิตอันเข้มข้น
...และหากไม่กำหนดจิตอย่างเข้มแข็ง ก็ยากนักที่จะครองสมาธิได้ยาวนาน
...ทั้งสติและสมาธิ จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง สำหรับผู้ใฝ่หาความสำเร็จทั้งทางโลกและทางธรรม...
#รู้หมดแต่ไม่ทำ #ใจไม่แข็งพอจะตัดการเชื่อมต่อ #วันหนึ่งต้องได้ทำ #ธรรมะสวัสดี
เมื่อค่ำวานนี้ พี่ S (ที่ผมเคยเล่าถึงใน Post#3-283) เล่าให้ผมฟังว่า พี่เค้าได้ไปเข้าค่ายวิปัสสนามาถึง 10 วันเต็มๆ
สำหรับผม...นี่นับเป็นเรื่องที่ไม่แน่ใจว่า จะทำได้หรือไม่ กับการที่ต้องตัดขาดจากการรับรู้เรื่องโลกโดยสิ้นเชิงแบบนี้ถึง 10 วันเต็มๆ
เป็น 10 วันที่เราต้องอยู่กับตัวเอง...พินิจและพิจารณาถึงอายาตนะภายใน ไม่รับรู้ความเป็นไปประดามี...รู้เพียงเรื่อง "จิต" ของเราเองเท่านั้น
...
มานั่งนึกดูดีๆ แล้ว...จนกระทั่งอายุปูนนี้แล้ว ผมก็ยังไม่เคยนั่งสมาธิได้เกินกว่าชั่วโมงเลย...เพราะทุกครั้งที่นั่ง ผมจะถูก "นิวรณ์ 5" เป็นตัวกั้นขวาง
โดยเฉพาะ "วิจิกิจฉา" ที่ชวนให้จิตของผมสงสัยเรื่องนั้น แส่ส่ายไปเรื่องนู้น...ให้เป็นที่วุ่นวาย
รวมความแล้ว...ก็น่าจะเพราะจิตผมยังไม่มีกำลังที่กล้าแข็งพอที่จะต่อสู้กับขบวนการเซนไตที่ชื่อ "นิวรณ์" นั่นเอง
...
ส่วนตัวผมเองรู้ดีว่า "จิต" เป็นเรื่องซับซ้อนและเข้าใจได้ยาก...ยากในระดับที่ไม่ห่างมากนักกับ "อจินไตย" เลยทีเดียว
ก็เพราะเรื่องจิตนั้นยาก...การยกระดับจิตให้พ้นจาก "โลกิยะ" ไปสู่ "โลกุตระ" จึงเป็นเรื่องเกือบจะเกินฝันของปุถุชน
และที่เราๆ ท่านๆ ไม่อาจหลุดพ้นจากโลกีวิสัยได้นั้น ก็เพราะเราไม่อาจครองจิตให้อยู่ในกระแสโลกุตระได้ยาวนานและต่อเนื่องมากพอ
การครองจิตไม่ได้อย่างต่อเนื่องนั้น ก็ด้วยเพราะเราขาดกำลังสติ...และการขาดกำลังสตินั้น ก็เกี่ยวเนื่องมาจากการขาดกำลังสมาธิที่เข้มแข็ง
...
การที่พี่ S มีโอกาสอันดีถึง 10 วัน จึงเป็นเรื่องที่ผมแอบ "อิจฉา" เล็กๆ แต่จิตอนุโมทนาของผมนั้น ใหญ่กว่า
เห็นหน้าพี่ S (รวมถึงพี่ T ที่เล่าเมื่อวาน) แล้วรู้แจ้งเลยครับ ว่าคนที่ "สวย" จากภายในนั้น ย่อมต้องมาจากคนที่ "ใจ" สบาย เท่านั้น
ใครมีโอกาสแล้ว หรือกำลังจะมีโอกาสแบบพี่ S, ผมก็ขออนุโมทนาสาธุด้วยจริงๆ ครับ...ที่จะได้มีโอกาส "เดินทางไกล" เพื่อจาริกแสวงหา "โภคยทรัพย์" ไว้ต่อทุนในชาติภพหน้า
...
ถ้าไม่หมั่นฝึกฝนจิตอย่างต่อเนื่อง ด้วยการนั่งสมาธิ ก็เป็นอันยากที่เราจะมีกำลังจิตอันเข้มข้น
...และหากไม่กำหนดจิตอย่างเข้มแข็ง ก็ยากนักที่จะครองสมาธิได้ยาวนาน
...ทั้งสติและสมาธิ จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง สำหรับผู้ใฝ่หาความสำเร็จทั้งทางโลกและทางธรรม...
#รู้หมดแต่ไม่ทำ #ใจไม่แข็งพอจะตัดการเชื่อมต่อ #วันหนึ่งต้องได้ทำ #ธรรมะสวัสดี
Comments
Post a Comment