Post#4-077:
เที่ยงที่ผ่านมา ผมมีโอกาสไปทานข้าวกับลูกน้องคนหนึ่ง...ซึ่งทำงานด้วยกันมานานหลายปี
ตอนหนึ่งของการสนทนา เราก็คุยกันเรื่อง ทำยังไงถึงจะทำให้ธุรกิจที่ทำอยู่ เติบโตไปได้ด้วยดี
ด้วยเพราะช่วงนี้ เป็นช่วงที่คาดเดาภาพรวมของเศรษฐกิจได้ยาก รวมไปถึงคาดเดาพฤติกรรมการจับจ่ายของลูกค้าได้ไม่ง่ายเลยเช่นกัน
...
เมื่อภาพรวมของตลาดยังคงคลุมเครือ...มีไม่กี่ทางที่เราจะอยู่รอด...ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ การทำให้เราเป็นตัวเลือกลำดับต้นๆ ของลูกค้า
หลายๆ บริษัทฯ มักจะบอกว่า เราต้องมีทั้งสินค้าที่ดีและบริการที่เด่น จึงจะทำให้เราเป็นตัวเลือกที่ว่าได้
แต่ในทางปฏิบัติแล้ว ลูกค้าจะสัมผัสสินค้าที่ดีมีคุณภาพได้ชัดเจน แต่จะมีกี่ร้านค้าที่จะให้บริการลูกค้าได้อย่างโดดเด่นเป็นรูปธรรม จนลูกค้าสัมผัสความแตกต่างนั้นได้?
แปลว่า การเน้นเรื่องบริการนั้น เป็นเรื่องที่ต้องอาศัยระยะเวลาในการ "สร้าง" ไม่น้อยเลย
...
ดังนั้น จึงต้องยอมรับว่า ช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ใกล้จะมาถึงนั้น...หลายๆ ร้านค้า ต่างมักจะนิยมเลือกใช้กลยุทธ์ด้านราคาเป็นตัวดึงดูดให้ลูกค้ายอมควักกระเป๋า
ถามว่า ผิดมั๊ย...ผมเองก็ตอบไม่ได้เต็มปากนัก เพราะถ้าอยู่รอดในช่วงสั้นๆ นี้ไม่ได้ ก็คงไม่มีทางรอดไปในระยะยาว
สำคัญก็แต่ การใช้กลยุทธ์ราคาที่ว่า เป็นการออกอาวุธที่พอเหมาะพอสมหรือไม่?
หากน้อยเกินไป ก็ไม่ส่งผลในเชิงจิตวิทยาต่อลูกค้า...และหากมากเกินไป ก็จะกลายเป็นการผลักให้ตัวเองเข้าสู่จุดอับ
...
เอาจริงๆ ผมว่า มันคงไม่มีสูตรตายตัวในการรับมือกับความผันผวนของตลาด...ยิ่งโดยเฉพาะในช่วงนี้ มันปั่นป่วนจากหลายหลากปัจจัยที่ประเดประดังมาพร้อมๆ กัน
ความสำคัญจึงอยู่ที่ เราสามารถจะปรับตัวและปรับแผนได้ทันท่วงทีมั๊ย?
แม้จะออกอาวุธพลาด...แต่หากกลับลำได้ทัน ก็ยังพอมีโอกาสทำแต้มคืนได้บ้าง
...หากแต่ถ้าไม่ออกอาวุธเลย หรือออกอาวุธแล้วไม่ได้ผล มัวแต่ท้อแท้...ก็มีหวังแค่รอวัน "แพ้คะแนน" หรือ "พ่ายน๊อค" เท่านั้นเอง...
#ขยันออกหมัดจึงได้แต้ม #ออกหมัดไม่ได้ก็ต้องฟุตเวิร์ค #ยืนเฉยกลายเป็นเป้า #ยืนเศร้ามีแต่แพ้ #แล้วก็ห้ามยืนเหม่อล่ะ
เที่ยงที่ผ่านมา ผมมีโอกาสไปทานข้าวกับลูกน้องคนหนึ่ง...ซึ่งทำงานด้วยกันมานานหลายปี
ตอนหนึ่งของการสนทนา เราก็คุยกันเรื่อง ทำยังไงถึงจะทำให้ธุรกิจที่ทำอยู่ เติบโตไปได้ด้วยดี
ด้วยเพราะช่วงนี้ เป็นช่วงที่คาดเดาภาพรวมของเศรษฐกิจได้ยาก รวมไปถึงคาดเดาพฤติกรรมการจับจ่ายของลูกค้าได้ไม่ง่ายเลยเช่นกัน
...
เมื่อภาพรวมของตลาดยังคงคลุมเครือ...มีไม่กี่ทางที่เราจะอยู่รอด...ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ การทำให้เราเป็นตัวเลือกลำดับต้นๆ ของลูกค้า
หลายๆ บริษัทฯ มักจะบอกว่า เราต้องมีทั้งสินค้าที่ดีและบริการที่เด่น จึงจะทำให้เราเป็นตัวเลือกที่ว่าได้
แต่ในทางปฏิบัติแล้ว ลูกค้าจะสัมผัสสินค้าที่ดีมีคุณภาพได้ชัดเจน แต่จะมีกี่ร้านค้าที่จะให้บริการลูกค้าได้อย่างโดดเด่นเป็นรูปธรรม จนลูกค้าสัมผัสความแตกต่างนั้นได้?
แปลว่า การเน้นเรื่องบริการนั้น เป็นเรื่องที่ต้องอาศัยระยะเวลาในการ "สร้าง" ไม่น้อยเลย
...
ดังนั้น จึงต้องยอมรับว่า ช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ใกล้จะมาถึงนั้น...หลายๆ ร้านค้า ต่างมักจะนิยมเลือกใช้กลยุทธ์ด้านราคาเป็นตัวดึงดูดให้ลูกค้ายอมควักกระเป๋า
ถามว่า ผิดมั๊ย...ผมเองก็ตอบไม่ได้เต็มปากนัก เพราะถ้าอยู่รอดในช่วงสั้นๆ นี้ไม่ได้ ก็คงไม่มีทางรอดไปในระยะยาว
สำคัญก็แต่ การใช้กลยุทธ์ราคาที่ว่า เป็นการออกอาวุธที่พอเหมาะพอสมหรือไม่?
หากน้อยเกินไป ก็ไม่ส่งผลในเชิงจิตวิทยาต่อลูกค้า...และหากมากเกินไป ก็จะกลายเป็นการผลักให้ตัวเองเข้าสู่จุดอับ
...
เอาจริงๆ ผมว่า มันคงไม่มีสูตรตายตัวในการรับมือกับความผันผวนของตลาด...ยิ่งโดยเฉพาะในช่วงนี้ มันปั่นป่วนจากหลายหลากปัจจัยที่ประเดประดังมาพร้อมๆ กัน
ความสำคัญจึงอยู่ที่ เราสามารถจะปรับตัวและปรับแผนได้ทันท่วงทีมั๊ย?
แม้จะออกอาวุธพลาด...แต่หากกลับลำได้ทัน ก็ยังพอมีโอกาสทำแต้มคืนได้บ้าง
...หากแต่ถ้าไม่ออกอาวุธเลย หรือออกอาวุธแล้วไม่ได้ผล มัวแต่ท้อแท้...ก็มีหวังแค่รอวัน "แพ้คะแนน" หรือ "พ่ายน๊อค" เท่านั้นเอง...
#ขยันออกหมัดจึงได้แต้ม #ออกหมัดไม่ได้ก็ต้องฟุตเวิร์ค #ยืนเฉยกลายเป็นเป้า #ยืนเศร้ามีแต่แพ้ #แล้วก็ห้ามยืนเหม่อล่ะ
Comments
Post a Comment