Post#4-083:
จำได้ว่า ผมเคยคุยให้ฟังไปหลายครั้งมากๆ ว่า หากเราต้องการพัฒนาและก้าวหน้า เราจำต้องรู้จัก "ชี้เข้าอย่าชี้ออก"
และผมมั่นใจว่า คงจะไม่เป็นการกล่าวเกินจริงเป็นแน่ หากผมจะสรุปว่า ตราบใดที่เราไม่รู้จักการ "ชี้เข้า" ให้มากกว่า "ชี้ออก"...ก็แปลได้ว่า เรายังไม่อาจขึ้นชั้นเป็นผู้บริหารระดับสูงได้
ทำใจไว้นิดเถอะครับ...ว่าเราจะได้เจอคนที่ "มักจะ" ชี้ออก อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
...
การชี้ออกก็ไม่ต่างจากการหาข้อแก้ตัว ซึ่งก็อาจจะเป็นการช่วยให้เราพอจะ "รอดตัว" ไปได้บ้าง...แต่ไม่ใช่ทุกครั้งแน่ๆ
เพราะไม่เคยมีใครที่ไม่เคยทำผิดพลาด...แปลว่า ไม่มีใครมาเชื่อเราหรอกครับ ว่าความผิดที่เกิดขึ้น จะมาจากเหตุอื่นหรือคนอื่น ทุกครั้งไป
และหากผิดเรื่องเดิมซ้ำๆ...ผมว่าเราก็คงจะ "หน้าด้าน" ไปหน่อย ที่จะมัวโทษชาวบ้านชาวช่อง โดยไม่รู้จักพิจารณาตัวเอง
...
คราวนี้ เราจะรู้ได้ยังไงกันหนอ ว่ากำลัง "ชี้ออก" แบบไร้ยางอายเกินไปแล้ว?
ของแบบนี้ ผมเองก็จนปัญญาที่จะ "ฟันธง" ล่ะครับ...เพราะความจริงนั้น มีเพียงหนึ่งเดียว และมีแต่เราเท่านั้นที่ "รู้ดีอยู่แก่ใจ" ว่ากำลัง "ชี้ออก" อย่างสมเหตุสมผล รึเปล่า?
แต่หากว่า ความผิดพลาดดังกล่าว เป็นเรื่องสุดวิสัยจริงๆ...เราย่อมสมควรจะนำเสนอได้ว่า จะมีวิธีป้องกันไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดซ้ำ ได้อย่างไรบ้าง?
ไม่ใช่ทุกครั้งที่มีข้อผิดพลาด เราก็สามารถโทษคนอื่นได้อยู่ร่ำไป...ถ้าใครเป็นแบบนี้ ก็เตรียมตัวล้มเหลวกับชีวิตได้เลยครับ
...
ดังนั้น ต้องหมั่นเตือนตัวเองว่า ก่อนจะโทษคนอื่นน่ะ เรามั่นใจแล้วใช่มั๊ย ว่าได้พิจารณาตัวเองดีแล้วจริงๆ
แล้วก็อย่าไปคิดว่า ที่ไม่มีใครต่อว่า, ลงโทษ หรือทำอะไรกับเราเลยนั้น เป็นเพราะว่า เรา "ชี้ออก" ได้สำเร็จ ล่ะครับ
เพราะคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงาน, เจ้านาย, ลูกค้า หรือคู่ค้าก็ตาม...ก็อาจจะกำลังคิดอยู่ว่า...ไม่น่าจะให้โอกาสเราในการ "ชี้" อีกเลย ก็เป็นได้
...หาข้อแก้ตัวก็ไม่ต่างไปจากการโกหกหรอกครับ...เพราะคราวหน้ามันจะยากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้ชื่อของเราจะกลายเป็นนิยามใหม่ของพวก "คบไม่ได้" ไปเสียแล้ว...
#แก้ตัวทำไมแก้ไขดีกว่า #ทุกคนรู้ว่าเราแถแต่ทำไมเราไม่รู้ #ไว้อาลัยแป๊บ
จำได้ว่า ผมเคยคุยให้ฟังไปหลายครั้งมากๆ ว่า หากเราต้องการพัฒนาและก้าวหน้า เราจำต้องรู้จัก "ชี้เข้าอย่าชี้ออก"
และผมมั่นใจว่า คงจะไม่เป็นการกล่าวเกินจริงเป็นแน่ หากผมจะสรุปว่า ตราบใดที่เราไม่รู้จักการ "ชี้เข้า" ให้มากกว่า "ชี้ออก"...ก็แปลได้ว่า เรายังไม่อาจขึ้นชั้นเป็นผู้บริหารระดับสูงได้
ทำใจไว้นิดเถอะครับ...ว่าเราจะได้เจอคนที่ "มักจะ" ชี้ออก อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
...
การชี้ออกก็ไม่ต่างจากการหาข้อแก้ตัว ซึ่งก็อาจจะเป็นการช่วยให้เราพอจะ "รอดตัว" ไปได้บ้าง...แต่ไม่ใช่ทุกครั้งแน่ๆ
เพราะไม่เคยมีใครที่ไม่เคยทำผิดพลาด...แปลว่า ไม่มีใครมาเชื่อเราหรอกครับ ว่าความผิดที่เกิดขึ้น จะมาจากเหตุอื่นหรือคนอื่น ทุกครั้งไป
และหากผิดเรื่องเดิมซ้ำๆ...ผมว่าเราก็คงจะ "หน้าด้าน" ไปหน่อย ที่จะมัวโทษชาวบ้านชาวช่อง โดยไม่รู้จักพิจารณาตัวเอง
...
คราวนี้ เราจะรู้ได้ยังไงกันหนอ ว่ากำลัง "ชี้ออก" แบบไร้ยางอายเกินไปแล้ว?
ของแบบนี้ ผมเองก็จนปัญญาที่จะ "ฟันธง" ล่ะครับ...เพราะความจริงนั้น มีเพียงหนึ่งเดียว และมีแต่เราเท่านั้นที่ "รู้ดีอยู่แก่ใจ" ว่ากำลัง "ชี้ออก" อย่างสมเหตุสมผล รึเปล่า?
แต่หากว่า ความผิดพลาดดังกล่าว เป็นเรื่องสุดวิสัยจริงๆ...เราย่อมสมควรจะนำเสนอได้ว่า จะมีวิธีป้องกันไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดซ้ำ ได้อย่างไรบ้าง?
ไม่ใช่ทุกครั้งที่มีข้อผิดพลาด เราก็สามารถโทษคนอื่นได้อยู่ร่ำไป...ถ้าใครเป็นแบบนี้ ก็เตรียมตัวล้มเหลวกับชีวิตได้เลยครับ
...
ดังนั้น ต้องหมั่นเตือนตัวเองว่า ก่อนจะโทษคนอื่นน่ะ เรามั่นใจแล้วใช่มั๊ย ว่าได้พิจารณาตัวเองดีแล้วจริงๆ
แล้วก็อย่าไปคิดว่า ที่ไม่มีใครต่อว่า, ลงโทษ หรือทำอะไรกับเราเลยนั้น เป็นเพราะว่า เรา "ชี้ออก" ได้สำเร็จ ล่ะครับ
เพราะคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงาน, เจ้านาย, ลูกค้า หรือคู่ค้าก็ตาม...ก็อาจจะกำลังคิดอยู่ว่า...ไม่น่าจะให้โอกาสเราในการ "ชี้" อีกเลย ก็เป็นได้
...หาข้อแก้ตัวก็ไม่ต่างไปจากการโกหกหรอกครับ...เพราะคราวหน้ามันจะยากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้ชื่อของเราจะกลายเป็นนิยามใหม่ของพวก "คบไม่ได้" ไปเสียแล้ว...
#แก้ตัวทำไมแก้ไขดีกว่า #ทุกคนรู้ว่าเราแถแต่ทำไมเราไม่รู้ #ไว้อาลัยแป๊บ
Comments
Post a Comment