Skip to main content

Post#4-117: เราคือ "ไก่ชน"

Post#4-117:
ปีเอ๋ยปีนี้ปีไก่แก้ว
เราเลือกแล้วที่จะพุ่งมุ่งสู้ฝัน
จะเรียนรู้จะปรับปรุงอย่างสำคัญ
จะบากบั่นจะต่อสู้ไม่รู้วาง

จะจิกตีจะไม่หนีใครที่ขัด
จะจิกกัดอุปสรรคที่กั้นขวาง
จะยิ่งใหญ่ขันก้องทั่วทิศทาง
จะก้าวย่างอย่างไก่ฟ้าพญาลอ

ให้มากมีมิตรสหายมารายรอบ
ให้พร้อมหน้าครอบครัวอย่างที่ขอ
ให้งานดีเงินดีมั่งมีพอ
สุขภาพก็พร้อมพรั่งทั้งใจกาย

ให้วิญญาณไก่ชนดลสถิตย์
ให้เรืองฤทธิ์พิชิตได้อย่างมั่นหมาย
จิกกัดตีทุกปัญหาให้คลี่คลาย
เป็นไก่ชนที่หมายครองของผองชน

...

สวัสดีปีไก่ครับ...

ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยได้โปรดอำนวยพรให้ทุกท่านมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง และมีสุขภาพใจที่พร้อมมูล

และขอน้อมอัญเชิญพระราชปณิธานแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพระบรมโกศ...มาเป็นข้อเตือนสติให้เราทุกคน อยู่บนครรลองที่ถูกต้อง

สุดท้ายก็ขอให้ทุกท่านมีพลังและความสง่างามในระดับ "ไก่ชน" ไม่ใช่ไก่เลี้ยงทั่วๆ ไป นะครับ ^^

...

ปีนี้จะดีหรือไม่...ไม่ได้อยู่ที่ใครหรอกครับ นอกจากจะอยู่ที่ตัวเรากำหนดเอง

เรื่องดีและเรื่องร้าย ต่างก็เกิดขึ้นเป็นธรรมดาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

มันจึงสำคัญที่ว่า "จิต" ของเรา จะมีปฏิกิริยาต่อเรื่องดีหรือเรื่องร้ายที่เกิดขึ้นอย่างไร มากกว่า?

...

เราจะมองหาเรื่องดีในเรื่องร้ายได้มั๊ย?

แล้วเราจะมองหาเรื่องร้ายที่แฝงมาในเรื่องดี เจอมั๊ยหนอ?

เราควรต้องรู้ว่า "ปีใหม่" เป็นเรื่องของเวลา ที่เราไม่อาจเลือกได้

หากแต่การเป็น "คนใหม่" เป็นเรื่องของ "ทางเลือก" ที่เรามีสิทธิ์ที่จะเลือกเอง

แปลว่า การที่เราจะต้องเจอกับทั้งเรื่องดีหรือร้าย...จึงเป็นเรื่องของเราที่จะต้องเลือกครับ ว่าจะรับมือกับมันอย่างไร?

...จะยิ้มรับแล้วเดินต่อไป หรือฟูมฟายแล้วก็ยอมพ่ายแพ้...ทางไหนเป็นทางที่ถูก เรารู้ดี แต่จะเลือกเดินหรือไม่ มันก็อยู่ที่เราแล้ว...

#ปีใหม่เลือกไม่ได้แต่เป็นคนใหม่เราเลือกได้ #เจอเรื่องร้ายเลี่ยงไม่ได้แต่มองเรื่องร้ายให้ดีได้ #กลัวอะไรกับปัญหา

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...