Post#4-127:
ใครที่ทำงานมีรายได้เป็นของตัวเองแล้ว ก็มักจะหนีไม่พ้นค่าใช้จ่ายหนึ่ง ที่เราเรียกกันว่า "ภาษีสังคม"
ว่ากันให้ถูก มันก็คือค่าใช้จ่ายในการ "เข้าสังคม" นั่นเอง
ภาษีสังคมนั้นมาในหลากหลายรูปแบบ มีทั้งแบบที่จำเป็น และแบบที่ไม่ค่อยจะจำเป็นสักเท่าไหร่...ซึ่งผมว่า แบบหลังมีมากกว่าแบบแรกเยอะ
...
แบบที่จำเป็น ก็เช่น เงินบริจาค, เงินทำบุญ, เงินช่วยงานอวมงคล หรือเงินช่วยในงานมงคล ตลอดถึงการซื้อของขวัญหรือของฝากในงานเทศกาลต่างๆ
ส่วนแบบที่ไม่ค่อยจำเป็นนั้น ขึ้นอยู่กับนิยามของแต่ละคนครับ...ซึ่งสำหรับผมแล้ว มันมักมาในรูปแบบ "เห็นคนอื่นมี แล้วก็อยากมีบ้าง"
คุ้นๆ มั๊ยครับ กับเหตุผลที่บอกกับตัวเอง ว่าช่วงนี้เค้าฮิตใช้ Brand นั้น, คนอื่นเค้าก็มีกันทั้งนั้น, ยอมไม่ได้ถ้ายัยนั่นมี ฉันก็ต้องมี, ฯลฯ
...
แต่ไม่ว่าจะเป็นภาษีสังคมในรูปแบบไหน...ถ้า (ต้อง) จ่ายไป แล้วไม่ทำให้ตัวเองหรือคนรอบข้างต้องเดือดร้อน ก็คงจะอยู่ในระดับ "พอรับได้" ครับ
ผมเห็นมาเยอะ ทั้งพวกที่ซื้อ Brand Name แล้วก็ต้องพี่งพาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทุกมื้อไปหลายๆ เดือน
ต้นเดือนไปกินอะไรหรูๆ เพื่อให้ได้ upload รูปลง Facebook หรือ IG...เอาว่าเงินเดือนหมดตั้งแต่ยังไม่พ้น week แรก ด้วยซ้ำ
หรือไม่ก็ออกรถใหม่แต่มีปัญหาในการผ่อน ลามหนักไปถึงขั้นไม่มีเงินเติมน้ำมัน
ตัวอย่างเยอะจนบรรยายไม่หมดจริงๆ ครับ
...
Warren Buffett ก็เคยแสดงทัศนะกับเรื่องนี้ไว้อย่างน่าฟังว่า "If you spend money on things you don't need, soon you'll have to sell the things you need."
แปลว่า "ถ้าคุณใช้จ่ายเงินให้กับสิ่งต่างๆ ที่ไม่จำเป็นสำหรับคุณ, ไม่ช้าคุณก็จำต้องขายสิ่งต่างๆ ที่จำเป็นไป"
ผมซาบซึ้งกับวาทะนี้ดี เพราะเคยตกอยู่ในวังวนแบบนี้มาแล้ว และไม่อยากให้ใครหลงเข้าไปในวังวนนี้เลย
...รู้แบบนี้แล้ว ยังคงไม่แน่ใจ ว่าเราควรจะใช้จ่ายเพื่อให้เรารู้สึกดี หรือจะใช้จ่ายเพื่อให้คนอื่นมองว่าเราดูดี อีกมั๊ยครับ?...
#ใช้เงินหรือเป็นทาสเงิน #จำเป็นต้องใช้หรือจำเป็นต้องโชว์ #คนอื่นมีทำไมเราต้องอยากมีตาม
ใครที่ทำงานมีรายได้เป็นของตัวเองแล้ว ก็มักจะหนีไม่พ้นค่าใช้จ่ายหนึ่ง ที่เราเรียกกันว่า "ภาษีสังคม"
ว่ากันให้ถูก มันก็คือค่าใช้จ่ายในการ "เข้าสังคม" นั่นเอง
ภาษีสังคมนั้นมาในหลากหลายรูปแบบ มีทั้งแบบที่จำเป็น และแบบที่ไม่ค่อยจะจำเป็นสักเท่าไหร่...ซึ่งผมว่า แบบหลังมีมากกว่าแบบแรกเยอะ
...
แบบที่จำเป็น ก็เช่น เงินบริจาค, เงินทำบุญ, เงินช่วยงานอวมงคล หรือเงินช่วยในงานมงคล ตลอดถึงการซื้อของขวัญหรือของฝากในงานเทศกาลต่างๆ
ส่วนแบบที่ไม่ค่อยจำเป็นนั้น ขึ้นอยู่กับนิยามของแต่ละคนครับ...ซึ่งสำหรับผมแล้ว มันมักมาในรูปแบบ "เห็นคนอื่นมี แล้วก็อยากมีบ้าง"
คุ้นๆ มั๊ยครับ กับเหตุผลที่บอกกับตัวเอง ว่าช่วงนี้เค้าฮิตใช้ Brand นั้น, คนอื่นเค้าก็มีกันทั้งนั้น, ยอมไม่ได้ถ้ายัยนั่นมี ฉันก็ต้องมี, ฯลฯ
...
แต่ไม่ว่าจะเป็นภาษีสังคมในรูปแบบไหน...ถ้า (ต้อง) จ่ายไป แล้วไม่ทำให้ตัวเองหรือคนรอบข้างต้องเดือดร้อน ก็คงจะอยู่ในระดับ "พอรับได้" ครับ
ผมเห็นมาเยอะ ทั้งพวกที่ซื้อ Brand Name แล้วก็ต้องพี่งพาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทุกมื้อไปหลายๆ เดือน
ต้นเดือนไปกินอะไรหรูๆ เพื่อให้ได้ upload รูปลง Facebook หรือ IG...เอาว่าเงินเดือนหมดตั้งแต่ยังไม่พ้น week แรก ด้วยซ้ำ
หรือไม่ก็ออกรถใหม่แต่มีปัญหาในการผ่อน ลามหนักไปถึงขั้นไม่มีเงินเติมน้ำมัน
ตัวอย่างเยอะจนบรรยายไม่หมดจริงๆ ครับ
...
Warren Buffett ก็เคยแสดงทัศนะกับเรื่องนี้ไว้อย่างน่าฟังว่า "If you spend money on things you don't need, soon you'll have to sell the things you need."
แปลว่า "ถ้าคุณใช้จ่ายเงินให้กับสิ่งต่างๆ ที่ไม่จำเป็นสำหรับคุณ, ไม่ช้าคุณก็จำต้องขายสิ่งต่างๆ ที่จำเป็นไป"
ผมซาบซึ้งกับวาทะนี้ดี เพราะเคยตกอยู่ในวังวนแบบนี้มาแล้ว และไม่อยากให้ใครหลงเข้าไปในวังวนนี้เลย
...รู้แบบนี้แล้ว ยังคงไม่แน่ใจ ว่าเราควรจะใช้จ่ายเพื่อให้เรารู้สึกดี หรือจะใช้จ่ายเพื่อให้คนอื่นมองว่าเราดูดี อีกมั๊ยครับ?...
#ใช้เงินหรือเป็นทาสเงิน #จำเป็นต้องใช้หรือจำเป็นต้องโชว์ #คนอื่นมีทำไมเราต้องอยากมีตาม
Comments
Post a Comment