Post#4-139:
เหลืออีกแค่สัปดาห์เดียว เดือนมกราคมก็กำลังจะโบกมือลาเราไปแล้ว...ได้ตรวจสอบกันบ้างมั๊ยครับ ว่าเป้าหมายที่ตั้งกันไว้อย่างมุ่งมั่นตั้งแต่ต้นปีน่ะ เราทำไปได้ถึงไหนแล้ว?
คำว่า "เป้าหมาย" ก็มีความหมายที่ชัดเจนว่า "เป้า" ที่ "หมาย" ซึ่งหมายถึง สิ่งที่เราต้องการ
บางคนจึงไม่มีโอกาสบรรลุเป้าหมาย เพราะตั้งเป้าหมายไปอย่างนั้นเอง เผื่อเอาไว้ใครถาม ก็จะได้บอกว่า "ฉันก็มีเป้าหมายนะ"
...
ความแตกต่างที่ชัดเจนที่สุด ระหว่างคนที่มีโอกาสประสบความสำเร็จ กับคนที่ยังไม่ประสบความสำเร็จนั้น...แท้จริงแล้ว ก็อยู่ที่ความจริงจังต่อการบรรลุเป้าหมาย นั่นเอง
แค่ตั้งเป้าหมาย ใครๆ ก็ทำได้...แต่การบอกตัวเองให้จริงจังและมุ่งมั่นต่อเป้าหมายในทุกๆ วันนั้น มีแต่คนที่ต้องการประสบความสำเร็จอย่างแรงกล้าเท่านั้น ที่จะทำได้
"เป้าหมาย" จึงมิควรใช่แค่ "คำสวยหรู" ที่เราคิดไว้เพื่อบอกผู้คน แต่มันคือ "ฝัน" ที่เราต้องการให้มันเป็นจริง
...
ระยะเวลา 1 ปี ที่เรามักจะกำหนดไว้เป็นระยะเวลาที่จะทำเป้าหมายให้เป็นจริงนั้น...จะว่านานก็นาน จะว่ามันผ่านไปเร็ว ก็ใช่
เมื่อกำหนดเป้าหมายของปีนั้นๆ ในเดือนมกราคมแล้ว...เราจึงรู้สึกว่า ยังเหลือเวลาอีกมากที่จะทำเป้าหมายนั้นๆ ให้เป็นจริง
พอเดือนกุมภาพันธ์และเดือนต่อๆ ไป เราก็ยังรู้สึกแบบนั้นอยู่...ว่าแล้วก็ปล่อยให้เป้าหมายเป็นเส้นชัยที่เรายังไม่ได้เริ่มต้นก้าวเดิน อยู่อย่างนั้น
จนกระทั่งกลางปีผ่านไป เราก็จะบอกตัวเองว่า ปีนี้ไม่น่าจะทำทันแล้ว เอาไว้ปีหน้าก็แล้วกัน
ถามตัวเองดูครับ...ว่าเป็นแบบนี้มาแล้วกี่ปี?
...
เมื่อรู้ว่า เราอาจละเลยเป้าหมายใหญ่ๆ ได้ง่าย เราจึงจำเป็นจะต้องแบ่งย่อยซอยเป้าหมายให้เล็กลง
จากเป้าปีเป็นเป้าเดือน, จากเป้าเดือนเป็นเป้าสัปดาห์
และจะสุดยอดมาก ถ้าเราสามารถแปลงเป้าสัปดาห์เป็นเป้าวัน
การแบ่งเป้าหมายจากใหญ่ให้เป็นเล็ก จะทำให้เรารู้สึกว่า เป้าหมายนั้นง่ายขึ้น และเมื่อมีเวลาสั้นๆ ที่จะต้องทำ...เราก็จะกระตือรือร้นที่จะทำมันมากขึ้น
นั่นหมายความว่า ถ้าเราบรรลุเป้าสัปดาห์ ก็จะทำให้เราบรรลุเป้าเดือน และเมื่อเราบรรลุเป้าเดือน ก็มีโอกาสสูงทึ่จะทำให้เราบรรลุเป้าปี...ซึ่งเป็นเป้าใหญ่ปลายทางของเรา
...
ระหว่างทาง เราอาจพบว่า บ่อยครั้งที่เราไม่อาจบรรลุเป้าหมายได้ ด้วยเพราะอุปสรรคนานัปการ...
ตั้งแต่เราขี้เกียจเอง, ไม่ได้รับความร่วมมือ, เพื่อนร่วมงานกลั่นแกล้ง, คู่แข่งปรับแผน, เทวดาไม่เมตตา และอีกสารพัดปัญหา
ไม่ว่าจะมิอาจบรรลุเป้าหมายได้ ด้วยสาเหตุใดก็ตาม...เราได้นำสาเหตุนั้นมาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงแก้ไขมั๊ย?
ผิดพลาดครั้งแรก เรายังพอวิเคราะห์เข้าข้างตัวเองได้...แต่เมื่อผิดพลาดครั้งต่อมาด้วยเรื่องเดิมล่ะ จะบอกตัวเองว่าไงดี?
...
เดือนมกราคมกำลังจะลาจากไปแล้วในอีกไม่ช้า...
ใครยังไม่ได้ตั้งเป้าหมายเลย...ว่าปีนี้ เราต้องการประสบความสำเร็จในเรื่องใดบ้าง?
ใครยังไม่เริ่มลงมือออกก้าวเดินไปสู่เป้าหมายเลยบ้าง?
ใครยังนึกไม่ออกบ้าง ว่าหนทางไปสู่เป้าหมายนั้น อยู่ที่ไหน?
ใครที่พลาดเป้าสัปดาห์...ได้วิเคราะห์บ้างมั๊ย ว่าทำไมถึงพลาด?
ใครมัวแต่โทษนั่น นู่น นี่, โทษฟ้าโทษเทวดา ว่าทำให้เราไม่อาจบรรลุเป้าหมาย...ก็อย่าลืมโทษตัวเองด้วย
...
ถามตัวเองอีกที ถามตัวเองชัดๆ...แล้วก็ตอบตัวเองอย่างแน่วแน่และซื่อสัตย์ ว่าอยากบรรลุเป้าหมายนั้นแน่ๆ ใช่มั๊ย?
ถ้าคำตอบคือ "ใช่"...ต้องลงมือกำหนด "แผน" ที่จะทำให้เราไปถึงเป้าหมาย, แปลงเป้าใหญ่เป็นเป้าย่อย แล้วก็ลงมือทำเสียที อย่ามัวแต่ผัดวันประกันพรุ่งอยู่
เมื่อลงมือทำแล้ว ต้องรู้จักวิเคราะห์หาสาเหตุที่ทำให้พลาดเป้า เพื่อนำมาปรับปรุงด้วย...ถามตัวเองด้วยวิธีคิดที่ว่า "ต้องทำอะไรบ้าง? ถึงจะทำให้เป้าหมายเป็นจริง" ไม่ใช่เพียงแค่บอกตัวเองว่า "ที่เป้าหมายไม่สำเร็จ เพราะอุปสรรคอะไรบ้าง?"
...โปรดจำไว้ว่า เส้นบางๆ ที่แบ่งระหว่างคนที่มีโอกาสประสบความสำเร็จ กับคนที่ฝันอยากจะประสบความสำเร็จนั้น อยู่ที่ "การลงมือทำ"...
#เป้าหมายไม่มีแผนเรียกเพ้อเจ้อ #มีแผนไม่ลงมือเรียกเพ้อฝัน #ลงมือไม่ปรับปรุงเรียกสักแต่ทำ #เป้าที่หมายต้องมุ่งมั่นต้องทุ่มเท
เหลืออีกแค่สัปดาห์เดียว เดือนมกราคมก็กำลังจะโบกมือลาเราไปแล้ว...ได้ตรวจสอบกันบ้างมั๊ยครับ ว่าเป้าหมายที่ตั้งกันไว้อย่างมุ่งมั่นตั้งแต่ต้นปีน่ะ เราทำไปได้ถึงไหนแล้ว?
คำว่า "เป้าหมาย" ก็มีความหมายที่ชัดเจนว่า "เป้า" ที่ "หมาย" ซึ่งหมายถึง สิ่งที่เราต้องการ
บางคนจึงไม่มีโอกาสบรรลุเป้าหมาย เพราะตั้งเป้าหมายไปอย่างนั้นเอง เผื่อเอาไว้ใครถาม ก็จะได้บอกว่า "ฉันก็มีเป้าหมายนะ"
...
ความแตกต่างที่ชัดเจนที่สุด ระหว่างคนที่มีโอกาสประสบความสำเร็จ กับคนที่ยังไม่ประสบความสำเร็จนั้น...แท้จริงแล้ว ก็อยู่ที่ความจริงจังต่อการบรรลุเป้าหมาย นั่นเอง
แค่ตั้งเป้าหมาย ใครๆ ก็ทำได้...แต่การบอกตัวเองให้จริงจังและมุ่งมั่นต่อเป้าหมายในทุกๆ วันนั้น มีแต่คนที่ต้องการประสบความสำเร็จอย่างแรงกล้าเท่านั้น ที่จะทำได้
"เป้าหมาย" จึงมิควรใช่แค่ "คำสวยหรู" ที่เราคิดไว้เพื่อบอกผู้คน แต่มันคือ "ฝัน" ที่เราต้องการให้มันเป็นจริง
...
ระยะเวลา 1 ปี ที่เรามักจะกำหนดไว้เป็นระยะเวลาที่จะทำเป้าหมายให้เป็นจริงนั้น...จะว่านานก็นาน จะว่ามันผ่านไปเร็ว ก็ใช่
เมื่อกำหนดเป้าหมายของปีนั้นๆ ในเดือนมกราคมแล้ว...เราจึงรู้สึกว่า ยังเหลือเวลาอีกมากที่จะทำเป้าหมายนั้นๆ ให้เป็นจริง
พอเดือนกุมภาพันธ์และเดือนต่อๆ ไป เราก็ยังรู้สึกแบบนั้นอยู่...ว่าแล้วก็ปล่อยให้เป้าหมายเป็นเส้นชัยที่เรายังไม่ได้เริ่มต้นก้าวเดิน อยู่อย่างนั้น
จนกระทั่งกลางปีผ่านไป เราก็จะบอกตัวเองว่า ปีนี้ไม่น่าจะทำทันแล้ว เอาไว้ปีหน้าก็แล้วกัน
ถามตัวเองดูครับ...ว่าเป็นแบบนี้มาแล้วกี่ปี?
...
เมื่อรู้ว่า เราอาจละเลยเป้าหมายใหญ่ๆ ได้ง่าย เราจึงจำเป็นจะต้องแบ่งย่อยซอยเป้าหมายให้เล็กลง
จากเป้าปีเป็นเป้าเดือน, จากเป้าเดือนเป็นเป้าสัปดาห์
และจะสุดยอดมาก ถ้าเราสามารถแปลงเป้าสัปดาห์เป็นเป้าวัน
การแบ่งเป้าหมายจากใหญ่ให้เป็นเล็ก จะทำให้เรารู้สึกว่า เป้าหมายนั้นง่ายขึ้น และเมื่อมีเวลาสั้นๆ ที่จะต้องทำ...เราก็จะกระตือรือร้นที่จะทำมันมากขึ้น
นั่นหมายความว่า ถ้าเราบรรลุเป้าสัปดาห์ ก็จะทำให้เราบรรลุเป้าเดือน และเมื่อเราบรรลุเป้าเดือน ก็มีโอกาสสูงทึ่จะทำให้เราบรรลุเป้าปี...ซึ่งเป็นเป้าใหญ่ปลายทางของเรา
...
ระหว่างทาง เราอาจพบว่า บ่อยครั้งที่เราไม่อาจบรรลุเป้าหมายได้ ด้วยเพราะอุปสรรคนานัปการ...
ตั้งแต่เราขี้เกียจเอง, ไม่ได้รับความร่วมมือ, เพื่อนร่วมงานกลั่นแกล้ง, คู่แข่งปรับแผน, เทวดาไม่เมตตา และอีกสารพัดปัญหา
ไม่ว่าจะมิอาจบรรลุเป้าหมายได้ ด้วยสาเหตุใดก็ตาม...เราได้นำสาเหตุนั้นมาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงแก้ไขมั๊ย?
ผิดพลาดครั้งแรก เรายังพอวิเคราะห์เข้าข้างตัวเองได้...แต่เมื่อผิดพลาดครั้งต่อมาด้วยเรื่องเดิมล่ะ จะบอกตัวเองว่าไงดี?
...
เดือนมกราคมกำลังจะลาจากไปแล้วในอีกไม่ช้า...
ใครยังไม่ได้ตั้งเป้าหมายเลย...ว่าปีนี้ เราต้องการประสบความสำเร็จในเรื่องใดบ้าง?
ใครยังไม่เริ่มลงมือออกก้าวเดินไปสู่เป้าหมายเลยบ้าง?
ใครยังนึกไม่ออกบ้าง ว่าหนทางไปสู่เป้าหมายนั้น อยู่ที่ไหน?
ใครที่พลาดเป้าสัปดาห์...ได้วิเคราะห์บ้างมั๊ย ว่าทำไมถึงพลาด?
ใครมัวแต่โทษนั่น นู่น นี่, โทษฟ้าโทษเทวดา ว่าทำให้เราไม่อาจบรรลุเป้าหมาย...ก็อย่าลืมโทษตัวเองด้วย
...
ถามตัวเองอีกที ถามตัวเองชัดๆ...แล้วก็ตอบตัวเองอย่างแน่วแน่และซื่อสัตย์ ว่าอยากบรรลุเป้าหมายนั้นแน่ๆ ใช่มั๊ย?
ถ้าคำตอบคือ "ใช่"...ต้องลงมือกำหนด "แผน" ที่จะทำให้เราไปถึงเป้าหมาย, แปลงเป้าใหญ่เป็นเป้าย่อย แล้วก็ลงมือทำเสียที อย่ามัวแต่ผัดวันประกันพรุ่งอยู่
เมื่อลงมือทำแล้ว ต้องรู้จักวิเคราะห์หาสาเหตุที่ทำให้พลาดเป้า เพื่อนำมาปรับปรุงด้วย...ถามตัวเองด้วยวิธีคิดที่ว่า "ต้องทำอะไรบ้าง? ถึงจะทำให้เป้าหมายเป็นจริง" ไม่ใช่เพียงแค่บอกตัวเองว่า "ที่เป้าหมายไม่สำเร็จ เพราะอุปสรรคอะไรบ้าง?"
...โปรดจำไว้ว่า เส้นบางๆ ที่แบ่งระหว่างคนที่มีโอกาสประสบความสำเร็จ กับคนที่ฝันอยากจะประสบความสำเร็จนั้น อยู่ที่ "การลงมือทำ"...
#เป้าหมายไม่มีแผนเรียกเพ้อเจ้อ #มีแผนไม่ลงมือเรียกเพ้อฝัน #ลงมือไม่ปรับปรุงเรียกสักแต่ทำ #เป้าที่หมายต้องมุ่งมั่นต้องทุ่มเท
Comments
Post a Comment