Post#4-131:
หลังจากไม่ได้ไปเดินตลาดเสียนาน...ผมก็เริ่มจะติดสอยห้อยตามภรรยาไปเดินตลาดเช้า กับเค้าบ้าง
เรื่องของเรื่องก็คือ อยากจะเดินออกกำลัง และหากิจกรรมทำร่วมกับภรรยา นั่นเองครับ
อีกเหตุผลหนึ่ง ก็คืออยากเปิดโลกทัศน์ใหม่ๆ บ้าง เพราะผมไม่ได้เดินตลาดสดก็หลายปีเอาการอยู่...ชีวิตวนเวียนอยู่แต่ใน Supermarket เป็นหลัก เหมือนๆ กับคนกรุงเทพฯ ฐานะปานกลางทั่วๆ ไป
เมื่อไปเดินตลาด เห็นอะไรก็น่าซื้อน่าจ่ายไปเสียหมด เพราะเทียบราคาแล้ว ถูกกว่าใน Supermarket ไม่น้อยเลย
...
เท่าที่ลองสังเกตดู...ส่วนใหญ่แล้ว ถ้าเราไม่ได้มาจับจ่ายที่ไหนเป็นประจำ เรามักจะลงท้ายด้วยการจับจ่ายมากกว่าที่เราต้องการเสมอ
อย่างเช้านี้ ผมก็ "จัดเต็ม" ด้วยการซื้อและซื้อ จนนึกไม่ออกว่า จะกินอาหารที่สรรหาและเลือกซื้อไปนี้ หมดเมื่อไหร่?
กลับถึงรถ...เมื่อเห็นปริมาณของที่ซื้อแล้ว ผมเริ่มไม่แน่ใจ ว่าถ้ากินไม่หมดจนต้องเหลือทิ้ง ราคาจะถูกกว่าในห้างฯ มั๊ยหนอ?
...
ผมว่า ในชีวิตเราเจอเหตุการณ์คล้ายๆ กันนี้ บ่อยอยู่ไม่น้อยเลย
คือบ่อยครั้งที่เราจับจ่ายข้าวของด้วยอารมณ์มากกว่าเหตุผล...และรู้สึกตัวอีกที ก็ลงท้ายไปกับการใช้เงินไปกับสิ่งที่เราไม่ได้อยากกินหรืออยากใช้จริงๆ
ซื้อเพราะแม่ค้ายุ, ซื้อเพราะเห็นว่าราคาถูก, ซื้อเพราะไม่ได้มาแถวนี้บ่อยๆ และอีกหลายๆ เหตุผล ที่เรามานั่งนึกดูทีหลังแล้ว ยังต้องอุทานกับตัวเอง ว่า "นี่หรือ...เหตุผลของเมิง"
บ่อยครั้ง เราจึงมีความสุขแค่ประเดี๋ยวเดียวตอนที่จ่ายเงินซื้อ...แต่อาจจะต้องทนทุกข์กับการกินและใช้ของที่เราไม่ได้ชอบไปอีกหลายชั่วโมง, หลายวัน หรือหลายเดือน ก็เป็นได้
...คิดดังนี้แล้ว คำพระท่านจึงก้องในหัวผมซ้ำไปซ้ำมาว่า "กินเพื่ออยู่ หาใช่อยู่เพื่อกิน"...จริงแท้หนอ...
#ซื้อมาแล้วก็กินไม่หมด #ตามใจปากแต่ไม่เกรงใจท้อง #หิวหน้ามืด #แย่ตรงที่สนุกกับการเดินตลาดแล้วสิ #เกลียดนิสัยจับจ่ายของตัวเอง #ยึดคำพระไว้หนอ
หลังจากไม่ได้ไปเดินตลาดเสียนาน...ผมก็เริ่มจะติดสอยห้อยตามภรรยาไปเดินตลาดเช้า กับเค้าบ้าง
เรื่องของเรื่องก็คือ อยากจะเดินออกกำลัง และหากิจกรรมทำร่วมกับภรรยา นั่นเองครับ
อีกเหตุผลหนึ่ง ก็คืออยากเปิดโลกทัศน์ใหม่ๆ บ้าง เพราะผมไม่ได้เดินตลาดสดก็หลายปีเอาการอยู่...ชีวิตวนเวียนอยู่แต่ใน Supermarket เป็นหลัก เหมือนๆ กับคนกรุงเทพฯ ฐานะปานกลางทั่วๆ ไป
เมื่อไปเดินตลาด เห็นอะไรก็น่าซื้อน่าจ่ายไปเสียหมด เพราะเทียบราคาแล้ว ถูกกว่าใน Supermarket ไม่น้อยเลย
...
เท่าที่ลองสังเกตดู...ส่วนใหญ่แล้ว ถ้าเราไม่ได้มาจับจ่ายที่ไหนเป็นประจำ เรามักจะลงท้ายด้วยการจับจ่ายมากกว่าที่เราต้องการเสมอ
อย่างเช้านี้ ผมก็ "จัดเต็ม" ด้วยการซื้อและซื้อ จนนึกไม่ออกว่า จะกินอาหารที่สรรหาและเลือกซื้อไปนี้ หมดเมื่อไหร่?
กลับถึงรถ...เมื่อเห็นปริมาณของที่ซื้อแล้ว ผมเริ่มไม่แน่ใจ ว่าถ้ากินไม่หมดจนต้องเหลือทิ้ง ราคาจะถูกกว่าในห้างฯ มั๊ยหนอ?
...
ผมว่า ในชีวิตเราเจอเหตุการณ์คล้ายๆ กันนี้ บ่อยอยู่ไม่น้อยเลย
คือบ่อยครั้งที่เราจับจ่ายข้าวของด้วยอารมณ์มากกว่าเหตุผล...และรู้สึกตัวอีกที ก็ลงท้ายไปกับการใช้เงินไปกับสิ่งที่เราไม่ได้อยากกินหรืออยากใช้จริงๆ
ซื้อเพราะแม่ค้ายุ, ซื้อเพราะเห็นว่าราคาถูก, ซื้อเพราะไม่ได้มาแถวนี้บ่อยๆ และอีกหลายๆ เหตุผล ที่เรามานั่งนึกดูทีหลังแล้ว ยังต้องอุทานกับตัวเอง ว่า "นี่หรือ...เหตุผลของเมิง"
บ่อยครั้ง เราจึงมีความสุขแค่ประเดี๋ยวเดียวตอนที่จ่ายเงินซื้อ...แต่อาจจะต้องทนทุกข์กับการกินและใช้ของที่เราไม่ได้ชอบไปอีกหลายชั่วโมง, หลายวัน หรือหลายเดือน ก็เป็นได้
...คิดดังนี้แล้ว คำพระท่านจึงก้องในหัวผมซ้ำไปซ้ำมาว่า "กินเพื่ออยู่ หาใช่อยู่เพื่อกิน"...จริงแท้หนอ...
#ซื้อมาแล้วก็กินไม่หมด #ตามใจปากแต่ไม่เกรงใจท้อง #หิวหน้ามืด #แย่ตรงที่สนุกกับการเดินตลาดแล้วสิ #เกลียดนิสัยจับจ่ายของตัวเอง #ยึดคำพระไว้หนอ
Comments
Post a Comment