Post#4-135:
บ่อยครั้งที่เรามัวแต่ work hard คือก้มหน้าก้มตาทำงานไป เพียงเพื่อต้องการหาเงินมาเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง...แต่ลืมไปว่า การหาความสุขไว้เลี้ยงใจ ก็สำคัญไม่น้อย
หลายคนที่คิดได้ จึงค้นพบแล้วว่า "เงิน" ไม่ใช่เหตุผลทั้งหมด...ที่จะทำให้เค้าหรือเธอลุกขึ้นจากที่นอน เพื่อไปทำงาน
ผมกำลังจะยกตัวอย่างถึงเพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่ง ที่ผมพึ่งจะเห็น post ของเธอเมื่อครู่นี้เอง...เป็น post สั้นๆ ที่มีแค่รูปผลงานของเธอ พร้อมกับ caption สั้นๆ ว่า I work "heart"
ดูรูปผลงานกับอ่าน caption นี้แล้ว ผมรู้สึกได้เลย ว่าเธอมีความสุขและความภาคภูมิใจมากมายกับผลงานของเธอ...
อีกทั้ง ผมก็ชอบใจเหลือหลาย เพราะมันเป็น caption ที่สอนใจได้ดีเหลือเกิน...จนผมอดไม่ได้ ต้องนำมาขยายความต่อ
...
ในแต่ละวันเราทำหลายสิ่งหลายอย่าง ไม่ว่าจะเรื่องงาน, เรื่องเล่น หรือเรื่องอื่นๆ
แต่มีใครจำได้บ้างมั๊ยครับ ว่าครั้งสุดท้ายที่ทำอะไรด้วยการใส่ "หัวใจ" ลงไปเต็มร้อยน่ะ มันเมื่อไหร่กันเอ่ย?
ลองนึกย้อนกันไปหน่อยครับ...ผมให้เวลา 5 นาที
...
บางคนใช้เวลาคิดแป๊บเดียว แต่บางคนคิดอยู่เป็นนานสองนานก็ยังคิดไม่ออก
ความจริงงานไหนที่เราทำด้วย "หัวใจ" น่ะ...มันมักจะตรึงตราอยู่ในดวงใจ จนไม่ต้องคิดนานหรอกครับ
และเมื่อคิดถึงความทรงจำนั้นทีไร มันก็จะทำให้เราเบิกบานและหัวใจพองโตไปเสียทุกที
ดังนั้น ใครที่ทำทุกอย่างในชีวิตด้วยการ "ใส่ใจ" จึงนับว่า น่าอิจฉาอยู่ไม่น้อย เพราะแปลว่า มีแต่ความเบิกบานในความทรงจำเต็มไปหมด
...
ใครที่จะ work "heart" ได้...จึงต้องใช้พลังจากน้ำมันเชื้อเพลิงที่ชื่อ "passion" ที่ให้ค่าออกเทนในระดับสูงสุด
เมื่อทำงานแบบ "work heart" แม้ว่าจะต้องใช้แรงกายและแรงใจมากเท่าไร...แต่เรากลับจะรู้สึกว่า เรายังคงยินดีจะทำงานนั้นต่อไปเรื่อยๆ...ไม่เสร็จก็ไม่หยุดแน่ๆ
น่าเสียดายที่ผู้คนส่วนใหญ่มักจะ "work heart" กับงานอดิเรก และ "work hard" กับงานที่ใช้เลี้ยงชีพ
ลองจินตนาการดูครับ ว่าถ้าเรา "work heart" กับงานที่เราใช้หาเลี้ยงชีพได้ทุกวัน จะทำให้ชีวิตเรามีความสุขได้ถึงเพียงไหน?
...
ความจริงแล้ว "work heart" ก็คือ "ฉันทะ" และ "work hard" ก็คือ "วิริยะ" ซึ่งถือเป็นธรรมะพื้นฐานของ "อิทธิบาท 4"
หากเริ่มต้นงานใดๆ ด้วย "ฉันทะ" ก็จะโน้มนำให้เกิด "วิริยะ" ได้โดยง่าย...เมื่อมีใจรัก จึงทำให้ทำงานใดๆ ได้ไม่รู้เหนื่อยรู้ท้อ
และเมื่อมี "ฉันทะ" ก็จะทำให้ "จิตตะ" บังเกิด ส่งผลให้เราไม่คิดทอดทิ้งงานนั้นๆ และทำงานไปพร้อมกับเฝ้ารอคอยจนกว่างานจะสำเร็จ...เมื่อเห็นว่าปลายทางของงานจะก่อให้เกิดความสุข นี่กระมังที่ทำให้เป็น "work happily"
ระหว่างการทำงาน "ฉันทะ" ก็จะโน้มนำให้เกิด "วิมังสา" คือการวิเคราะห์หาหนทางที่จะทำให้งานนั้นๆ ลุล่วงไปได้ด้วยดี...นั่นไงที่เค้าเรียกว่า "work smart"
อิทธิบาท 4 จึงล้วนกำเนิดเกิดจากการที่เรามี "ฉันทะ" เป็นสำคัญ...ทำงานใดๆ ด้วย "ใจรัก" จึงสำคัญถึงเพียงนี้
...ผมแน่ใจว่าคงไม่ต้องชักชวน เพราะผู้มีปัญญาทั้งหลาย ย่อมเล็งเห็นแล้วว่า ทำไมคนเราจึงควรทำการใดๆ แบบ "work heart"...จริงมั๊ยครับ?...
#ชอบใจจังคำว่าWorkHeart #ทำงานด้วยหัวใจได้งานด้วยได้ความสุขด้วยและอาจจะได้เงินด้วย #HeartHardHappySmart #นี่สินะเหตุผลที่บางคนมีความสุขกับงานได้ทุกวัน
บ่อยครั้งที่เรามัวแต่ work hard คือก้มหน้าก้มตาทำงานไป เพียงเพื่อต้องการหาเงินมาเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง...แต่ลืมไปว่า การหาความสุขไว้เลี้ยงใจ ก็สำคัญไม่น้อย
หลายคนที่คิดได้ จึงค้นพบแล้วว่า "เงิน" ไม่ใช่เหตุผลทั้งหมด...ที่จะทำให้เค้าหรือเธอลุกขึ้นจากที่นอน เพื่อไปทำงาน
ผมกำลังจะยกตัวอย่างถึงเพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่ง ที่ผมพึ่งจะเห็น post ของเธอเมื่อครู่นี้เอง...เป็น post สั้นๆ ที่มีแค่รูปผลงานของเธอ พร้อมกับ caption สั้นๆ ว่า I work "heart"
ดูรูปผลงานกับอ่าน caption นี้แล้ว ผมรู้สึกได้เลย ว่าเธอมีความสุขและความภาคภูมิใจมากมายกับผลงานของเธอ...
อีกทั้ง ผมก็ชอบใจเหลือหลาย เพราะมันเป็น caption ที่สอนใจได้ดีเหลือเกิน...จนผมอดไม่ได้ ต้องนำมาขยายความต่อ
...
ในแต่ละวันเราทำหลายสิ่งหลายอย่าง ไม่ว่าจะเรื่องงาน, เรื่องเล่น หรือเรื่องอื่นๆ
แต่มีใครจำได้บ้างมั๊ยครับ ว่าครั้งสุดท้ายที่ทำอะไรด้วยการใส่ "หัวใจ" ลงไปเต็มร้อยน่ะ มันเมื่อไหร่กันเอ่ย?
ลองนึกย้อนกันไปหน่อยครับ...ผมให้เวลา 5 นาที
...
บางคนใช้เวลาคิดแป๊บเดียว แต่บางคนคิดอยู่เป็นนานสองนานก็ยังคิดไม่ออก
ความจริงงานไหนที่เราทำด้วย "หัวใจ" น่ะ...มันมักจะตรึงตราอยู่ในดวงใจ จนไม่ต้องคิดนานหรอกครับ
และเมื่อคิดถึงความทรงจำนั้นทีไร มันก็จะทำให้เราเบิกบานและหัวใจพองโตไปเสียทุกที
ดังนั้น ใครที่ทำทุกอย่างในชีวิตด้วยการ "ใส่ใจ" จึงนับว่า น่าอิจฉาอยู่ไม่น้อย เพราะแปลว่า มีแต่ความเบิกบานในความทรงจำเต็มไปหมด
...
ใครที่จะ work "heart" ได้...จึงต้องใช้พลังจากน้ำมันเชื้อเพลิงที่ชื่อ "passion" ที่ให้ค่าออกเทนในระดับสูงสุด
เมื่อทำงานแบบ "work heart" แม้ว่าจะต้องใช้แรงกายและแรงใจมากเท่าไร...แต่เรากลับจะรู้สึกว่า เรายังคงยินดีจะทำงานนั้นต่อไปเรื่อยๆ...ไม่เสร็จก็ไม่หยุดแน่ๆ
น่าเสียดายที่ผู้คนส่วนใหญ่มักจะ "work heart" กับงานอดิเรก และ "work hard" กับงานที่ใช้เลี้ยงชีพ
ลองจินตนาการดูครับ ว่าถ้าเรา "work heart" กับงานที่เราใช้หาเลี้ยงชีพได้ทุกวัน จะทำให้ชีวิตเรามีความสุขได้ถึงเพียงไหน?
...
ความจริงแล้ว "work heart" ก็คือ "ฉันทะ" และ "work hard" ก็คือ "วิริยะ" ซึ่งถือเป็นธรรมะพื้นฐานของ "อิทธิบาท 4"
หากเริ่มต้นงานใดๆ ด้วย "ฉันทะ" ก็จะโน้มนำให้เกิด "วิริยะ" ได้โดยง่าย...เมื่อมีใจรัก จึงทำให้ทำงานใดๆ ได้ไม่รู้เหนื่อยรู้ท้อ
และเมื่อมี "ฉันทะ" ก็จะทำให้ "จิตตะ" บังเกิด ส่งผลให้เราไม่คิดทอดทิ้งงานนั้นๆ และทำงานไปพร้อมกับเฝ้ารอคอยจนกว่างานจะสำเร็จ...เมื่อเห็นว่าปลายทางของงานจะก่อให้เกิดความสุข นี่กระมังที่ทำให้เป็น "work happily"
ระหว่างการทำงาน "ฉันทะ" ก็จะโน้มนำให้เกิด "วิมังสา" คือการวิเคราะห์หาหนทางที่จะทำให้งานนั้นๆ ลุล่วงไปได้ด้วยดี...นั่นไงที่เค้าเรียกว่า "work smart"
อิทธิบาท 4 จึงล้วนกำเนิดเกิดจากการที่เรามี "ฉันทะ" เป็นสำคัญ...ทำงานใดๆ ด้วย "ใจรัก" จึงสำคัญถึงเพียงนี้
...ผมแน่ใจว่าคงไม่ต้องชักชวน เพราะผู้มีปัญญาทั้งหลาย ย่อมเล็งเห็นแล้วว่า ทำไมคนเราจึงควรทำการใดๆ แบบ "work heart"...จริงมั๊ยครับ?...
#ชอบใจจังคำว่าWorkHeart #ทำงานด้วยหัวใจได้งานด้วยได้ความสุขด้วยและอาจจะได้เงินด้วย #HeartHardHappySmart #นี่สินะเหตุผลที่บางคนมีความสุขกับงานได้ทุกวัน
Comments
Post a Comment