Skip to main content

Post#4-123: คนละคนก็คนละฝัน

Post#4-123:
ระหว่างเดินช้อบปิ้งอยู่กับลูกสาว...จู่ๆ เธอก็ถามผมว่า "Daddy, what do you think I can be when I grow up?" (พ่อคะ, พ่อคิดว่าโตขึ้นหนูจะเป็นอะไร?")

ผมยิ้มแล้วแกล้งทำหน้างง...พร้อมกับถามเธอกลับว่า ก็แล้วเธออยากจะเป็นอะไรล่ะ?

หลายๆ คนที่มีลูกเล็กๆ ก็คงเคยถามลูกว่า โตขึ้นอยากจะเป็นอะไร? หรืออาจจะโดนลูกถามเหมือนผมเช่นกัน

...

พ่อแม่หลายๆ คนก็คงเลือกตอบเหมือนผม...ก็คือไม่ว่าลูกอยากจะเป็นอะไร เราก็พร้อมจะสนับสนุนให้เค้าได้เป็นอย่างที่ฝัน

และเราต่างก็รู้ว่า วันนี้พวกเค้าอาจจะอยากเป็นนั่น แต่ไม่ช้าไม่นานก็อาจจะอยากเป็นนี่...ยังคงไม่มีอะไรแน่นอนเลย สำหรับเด็กน้อยที่ไร้เดียงสา

แต่ก็มีพ่อแม่อีกหลายคนเหลือเกิน...ที่พยายามยัดเยียดความฝันที่ตัวเองทำไม่สำเร็จ...ให้กับลูก

โดยไม่เคยถามลูกเลยว่า อยากจะเป็นหรืออยากจะทำ อย่างที่พ่อหรือแม่อยากให้พวกเค้าเป็นหรือทำรึเปล่า?

...

ส่วนตัวผมเองนั้น มีความเชื่อว่า ความฝันของใครก็ของคนนั้น...เราฝันแทนกันไม่ได้ ฉันใด เราก็ไม่น่าจะบังคับให้ใครมาชื่นชอบความฝันของเราได้ ฉันนั้น

หน้าที่ของพ่อและแม่ จึงมิใช่การส่งมอบความฝันของตัวเองให้กับลูก...หากแต่เป็นการเฝ้ามอง, ให้กำลังใจ และประคับประคองให้ลูกได้ทำตามฝันของพวกเค้า

เราไม่อาจรู้ได้ ว่าปลายทางของความฝันของพวกเค้าจะสวยงามอย่างที่พวกเค้าคาดหวังหรือไม่...เพราะบางทีเราอาจอยู่ไม่ถึงวันนั้น

...หากแต่ระหว่างทางที่พวกเค้าเดินตามฝันนั้น พวกเค้าก็คงจะไม่เดียวดายและมั่นใจขึ้นอีกอักโข หากว่าเหลียวหลังมาครั้งใด ก็เห็นเราเดินตามอยู่ห่างๆ อยู่เสมอ...

#คนละคนก็คนละฝัน #เรายิ้มขณะที่ลูกร้องไห้รึเปล่า #ความฝันของพ่อแม่คือเห็นลูกฝันเป็นจริง #ฝันยากแค่ไหนก็เริ่มด้วยก้าวแรก #ระหว่างทางก็อาจสวยงามไม่แพ้เส้นชัย

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...