Post#4-125:
คาดว่าหลายๆ ท่านคงจะเคยได้ยินวาทะที่ว่า "There ain't no such thing as a free lunch." (แปลประมาณว่า ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ) กันมาบ้างนะครับ
ยิ่งในสังคมปัจจุบันด้วยแล้ว...ผมแทบจะพูดได้ว่า นอกจากอากาศกับแสงแดดแล้ว...ทุกสิ่งทุกอย่างนั้น เราต่างต้องแลกมันมาด้วยอะไรบางอย่างทั้งสิ้น
ผมเองก็ออกจะเห็นด้วยกับวาทะนี้อยู่มาก...เพราะแม้ว่าจะมีใครกรุณาช่วยเหลือเราโดยไม่หวังผลตอบแทนก็ตาม
แต่สุดท้ายเราก็ตกเป็น "หนี้บุญคุณ" อยู่นั่นเอง
...
"หนี้บุณคุณ" จึงถือเป็นหนี้ที่มีขนาดและน้ำหนัก...ที่กดทับจิตใจมากที่สุด เหนือหนี้อื่นๆ
ที่สำคัญมันน่าจะเป็นหนี้ประเภทเดียว ที่ทำให้เรารู้สึกว่า "ใช้คืน" ไม่จบไม่สิ้น
หนี้ประเภทนี้ จึงเป็นหนี้ที่ผมพยายามจะหลีกเลี่ยง...ด้วยเพราะไม่อยากแบกรับความรู้สึกนี้ไว้ในใจ
แต่ในความเป็นจริงแล้ว...ผมเองก็ไม่ต่างจากผู้โชคดีอีกหลายล้านคนทั่วโลก ที่มีโอกาสดีๆในชีวิต ที่ได้รับน้ำใจและไมตรีจากใครบางคน
แน่นอนว่า "หนี้บุญคุณ" เหล่านั้น...ก็คงไม่อาจลบเลือนออกไปจากใจผมได้โดยง่าย
...
ถ้าจะให้ผมบรรยายความรู้สึกที่เป็น "หนี้บุญคุณ" ในระดับที่ยากจะลืมเลือนนั้น ก็คงจะประมาณว่า...
เราอยู่ในห้องที่มืดมิดมานานแสนนาน แล้วจู่ๆ ก็มีใครคนหนึ่ง ยื่นเทียนไขและไม้ขีดไฟมาให้
หรือคงประมาณว่า เราเดินทางอยู่ท่ามกลางทะเลทรายอันเวิ้งว้าง มีแต่ไฟแดดที่แผดเผาอยู่เป็นเพื่อน แล้วจู่ๆ ก็มีใครคนหนึ่ง ยื่นขวดน้ำที่เย็นชุ่มฉ่ำมาให้
ความรู้สึกเหมือนฟื้นคืนชีวิตแบบนี้นี่เองครับ...ที่ทำให้เรามิอาจลืมเลือนได้ เมื่อใดก็ตามที่นึกถึง
...ถ้ามีโอกาส เราจึงควรเลือกเป็นฝ่าย "ให้"...และจงอย่าลืมเลือน หากเราได้เคยเป็นฝ่าย "รับ" มาแล้ว...
#หนี้อันยิ่งใหญ่ #อยู่ในใจเสมอมิลืมเลือน #ขอบคุณไม่มีวันหมด #ชดใช้ไม่มีวันสิ้น
คาดว่าหลายๆ ท่านคงจะเคยได้ยินวาทะที่ว่า "There ain't no such thing as a free lunch." (แปลประมาณว่า ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ) กันมาบ้างนะครับ
ยิ่งในสังคมปัจจุบันด้วยแล้ว...ผมแทบจะพูดได้ว่า นอกจากอากาศกับแสงแดดแล้ว...ทุกสิ่งทุกอย่างนั้น เราต่างต้องแลกมันมาด้วยอะไรบางอย่างทั้งสิ้น
ผมเองก็ออกจะเห็นด้วยกับวาทะนี้อยู่มาก...เพราะแม้ว่าจะมีใครกรุณาช่วยเหลือเราโดยไม่หวังผลตอบแทนก็ตาม
แต่สุดท้ายเราก็ตกเป็น "หนี้บุญคุณ" อยู่นั่นเอง
...
"หนี้บุณคุณ" จึงถือเป็นหนี้ที่มีขนาดและน้ำหนัก...ที่กดทับจิตใจมากที่สุด เหนือหนี้อื่นๆ
ที่สำคัญมันน่าจะเป็นหนี้ประเภทเดียว ที่ทำให้เรารู้สึกว่า "ใช้คืน" ไม่จบไม่สิ้น
หนี้ประเภทนี้ จึงเป็นหนี้ที่ผมพยายามจะหลีกเลี่ยง...ด้วยเพราะไม่อยากแบกรับความรู้สึกนี้ไว้ในใจ
แต่ในความเป็นจริงแล้ว...ผมเองก็ไม่ต่างจากผู้โชคดีอีกหลายล้านคนทั่วโลก ที่มีโอกาสดีๆในชีวิต ที่ได้รับน้ำใจและไมตรีจากใครบางคน
แน่นอนว่า "หนี้บุญคุณ" เหล่านั้น...ก็คงไม่อาจลบเลือนออกไปจากใจผมได้โดยง่าย
...
ถ้าจะให้ผมบรรยายความรู้สึกที่เป็น "หนี้บุญคุณ" ในระดับที่ยากจะลืมเลือนนั้น ก็คงจะประมาณว่า...
เราอยู่ในห้องที่มืดมิดมานานแสนนาน แล้วจู่ๆ ก็มีใครคนหนึ่ง ยื่นเทียนไขและไม้ขีดไฟมาให้
หรือคงประมาณว่า เราเดินทางอยู่ท่ามกลางทะเลทรายอันเวิ้งว้าง มีแต่ไฟแดดที่แผดเผาอยู่เป็นเพื่อน แล้วจู่ๆ ก็มีใครคนหนึ่ง ยื่นขวดน้ำที่เย็นชุ่มฉ่ำมาให้
ความรู้สึกเหมือนฟื้นคืนชีวิตแบบนี้นี่เองครับ...ที่ทำให้เรามิอาจลืมเลือนได้ เมื่อใดก็ตามที่นึกถึง
...ถ้ามีโอกาส เราจึงควรเลือกเป็นฝ่าย "ให้"...และจงอย่าลืมเลือน หากเราได้เคยเป็นฝ่าย "รับ" มาแล้ว...
#หนี้อันยิ่งใหญ่ #อยู่ในใจเสมอมิลืมเลือน #ขอบคุณไม่มีวันหมด #ชดใช้ไม่มีวันสิ้น
Comments
Post a Comment