Skip to main content

Post#4-270: กระเป๋าเงิน กับ พรหมลิขิต

Post#4-270:
เมื่อเช้าผมไปแวะทานข้าว...ก่อนที่จะไปรับการบำบัดที่โรงพยาบาล ซึ่งเกือบจะเป็นกิจวัตรประจำเช้าวันเสาร์ไปแล้ว

ระหว่างทานข้าว เกิดนึกเอะใจยังไงไม่ทราบ...ผมก็เลยตบกระเป๋ากางเกงเพื่อหาเงิน เพราะโดยปกติผมพกเป็นแบงค์ย่อยๆ

ปรากฏว่า ตรงตามที่เอะใจนั่นล่ะครับ -"-

คือไม่มีเงินสักบาทในกระเป๋า!

อาหารตรงหน้าลดความอร่อยลงไปเกือบครึ่ง...ในใจนึกว่า จะบอกเจ้าของร้านยังไงดี?

...

หลังกลืนคำสุดท้าย...ผมก็ยิ้มแหยๆ แล้วก็ลุกขึ้นไปบอกเจ้าของร้านด้วยสีหน้าเจื่อนๆ ว่า "ขอโทษครับ...ผมลืมกระเป๋าเงิน ขอวิ่งกลับไปเอาที่โรงพยาบาลตรงข้ามนี้เองครับ"

โชคดีที่เจ้าของร้านมองเป็นเรื่อง "ขำๆ" แล้วก็อมยิ้มเสียแก้มปริ

ผมขอโทษเธออีกที...แล้วก็รีบวิ่งไปเอาเงินมาจ่าย

...

บังเอิญ...ที่ผมไม่ได้พึ่งมาทานครั้งแรก

บังเอิญ...ที่ร้านอยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาล

บังเอิญ...ที่รู้ว่ายังมีกระเป๋าเงินที่เก็บไว้ในกระเป๋าทำงาน

บังเอิญ...ที่เจ้าของร้านน่ารัก

...

นี่เป็นเพียงความบังเอิญเล็กๆ หลายๆ เรื่องพร้อมๆ กัน ซึ่งกลายมาเป็นโชคดีของตาแก่ขี้ลืมคนหนึ่ง

และผมก็แน่ใจว่า เรื่องนี้จะทำให้ผมมีความรอบคอบและระมัดระวังเพิ่มขึ้นกว่าเดิม

แต่รู้อะไรมั๊ยครับ...ว่าจริงๆ การที่เราได้เกิดมาเป็นคนได้นั้น ต้องอาศัย "ความบังเอิญ" หลายๆ เรื่อง ที่ยิ่งใหญ่กว่า...มาประกอบกัน

แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่ยังไม่รู้ว่าความบังเอิญที่นำพาให้พวกเค้ามา "จุติ" บนผืนโลกนั้น...เป็นความโชคดีอย่างเหลือแสน

...

หรือว่าจริงๆ แล้ว "ความบังเอิญ" ไม่ได้มีอยู่จริงในโลก...แต่พระพรหมท่านกำหนดชะตาชีวิตของมนุษย์ทุกคนไว้หมดแล้ว?

แปลว่า เรานั่งๆ นอนๆ อยู่เฉยๆ...ปล่อยชีวิตไปตามยถากรรม ไม่ทุกข์ไม่ร้อน ไม่อินังขังขอบกับชีวิต เป็นเรื่องถูกต้องตามที่ท่านกำหนดมาให้แล้ว งั้นสิ?

ผมว่า ก็น่าจะเป็นไปได้ล่ะครับ ว่าท่านคงจะกำหนดคร่าวๆ ให้แล้ว ว่าแต่ละคนจะต้องเกิดอย่างไร? และตายแบบไหน?

แต่ผมว่า ท่านคงอยากจะรู้เหมือนกันว่า จะมีมนุษย์สักกี่คนกันหนอ ที่ใช้ชีวิตหลังเกิดไปจนถึงวันที่ดินกลบหน้า ได้สวยงามมากกว่ากัน?

ก็ในเมื่อเราเลือกเกิดไม่ได้ และไม่อาจหลีกหนีความตายไปพ้น...

สิ่งเดียวที่จะทำให้เราแตกต่างจากมนุษย์ผู้อื่นได้...ก็คงมีแค่การใช้ชีวิตให้ถูกตามครรลอง กระมังครับ?

...

ขึ้นต้นด้วยการลืมกระเป๋าเงิน...ทำไมลงท้ายเรื่องพรหมลิขิตไปได้?

นั่นสิครับ...บางครั้งเรื่องเล็กๆ ที่สะกิดใจเรา ก็อาจต่อยอดความคิดไปได้ไกลเกินกว่าที่เราจะคาดถึง

...แม้ว่าเราจะเลือกเกิดไม่ได้...แต่วิธีคิดที่เป็นตัวกำหนดการใช้ชีวิตของเรา จะทำให้เราเดินทางไปสู่ที่ตายได้อย่างเต็มภาคภูมิครับ...ผมเชื่ออย่างนั้น...

#NoteToSelf: 

  • การเกิดเป็น "ชะตากรรม"...ส่วนการใช้ชีวิตก่อนตาย น่าจะเป็น "ทางเลือก"
  • แม้คนเราเลือกเกิดไม่ได้...แต่คนเราเลือกตายอย่างน่าจดจำได้
  • ถ้าวันนี้ยังเก่งเท่าเมื่อวาน ยังดีเท่าเมื่อวาน...พระพรหมท่านคงเวทนาเราอยู่ ว่า "มนุษย์เอ๋ย...มีโอกาสพิสูจน์ตนแล้วหนอ ใยเจ้าไม่ลงมือทำ"

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...