Skip to main content

Post#4-297: ความจริงที่เป็น

Post#4-297:
หลายคนคงเคยมี moment คล้ายๆ ผม...ที่พอฝนตกพรำๆ แล้วก็ทำให้เกิดอารมณ์เนือยๆ เหงาๆ

ไม่รู้ว่า นี่เป็นธรรมชาติของมนุษย์ หรือเป็นเพราะภาพชินตาที่เราจำมาจากภาพยนตร์กันหนอ...ที่ทำให้เราโยงเอาสายฝนกับความเหงาเข้าไว้ด้วยกันอย่างแน่นเหนียว

บางทีผมก็แยกไม่ออกเอาจริงๆ...ว่าอารมณ์ไหนเป็นธรรมชาติแท้จริง และอารมณ์ไหนเป็นมายาแห่งจิต

เฉกเช่นที่บางครั้ง เราก็จำได้อย่างเลือนรางเต็มที ว่าภาพในความทรงจำของเรานั้น...

เป็นความทรงจำที่มาจากเหตุการณ์จริง หรือเป็นแค่ความทรงจำจากความฝัน กันแน่?

...

นี่เอง ที่อริยบุคคลทั้งหลาย ได้สั่งสอนหรือแนะแนวปุถุชนอย่างเราๆ ให้พึงมี "สติ" ทบทวนเรื่องราวต่างๆ อย่างพินิจพิเคราะห์

ก็เพราะขนาดตัวเรายังอาจหลงไปกับ "มายา" ที่เราสร้างขึ้นได้เลย...ประสาอะไรกับประดา "มายา" อื่นๆ ที่มีอยู่มากมายบนผืนโลก

ดังนั้น ก่อนจะตัดสินความหรือตัดสินใจใดๆ...จึงต้องเตือนตัวเองให้ "ทบทวน" ให้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับเรื่องที่จะกระทบกับชีวิตข้างหน้า

...

บางครั้ง เรื่องที่เราคิดว่า มันเป็นจริงตามนั้น ก็อาจจะเป็น "ความจริง" ที่มองจากมุมของเรา เท่านั้น

ความจริงที่เราลงความเห็น จึงอาจจะเกิดจากอคติ, ข้อมูลที่ไม่ครบ บิดเบือน หรืออาจจะเกิดจากการปรุงแต่งของจิต...ก็เป็นไปได้ทั้งสิ้น

"ความจริงที่เห็น" กับ "ความจริงที่เป็น" จึงอาจจะเป็น "เรื่องเดียวกัน" หรือ "คนละเรื่องเดียวกัน"...ก็เป็นไปได้ทั้งสิ้น เช่นกัน

...เราจึงต้องเตือนตนให้มีสติให้มากเข้าไว้ เพื่อให้มั่นใจว่า เราตัดสินความหรือตัดสินใจด้วย "ความจริงที่เป็น" ไม่ใช่ "ความจริงที่เห็น" นะครับ...

#NoteToSelf: 

  • คำพระท่านว่า "มองโลกอย่างไร ก็เป็นไปอย่างนั้น"...แปลว่า ถ้ามองโลกด้วยอคติ ย่อมไม่มีทางเห็นโลกที่แท้
  • ความจริงที่เห็น คือความจริงเฉพาะเรา...ส่วนความจริงที่เป็น คือความจริงที่ทุกๆ คนต่างยอมรับโดยดุษฎีว่าเป็นเยี่ยงนั้นจริง
  • "ความจริงที่เป็น"...ไม่ได้เกิดจากการคล้อยตามกัน, ไม่ได้ "ฮั๊ว" กันว่ามันจริง และมันก็ไม่ใช่หลักการของเสียงข้างมาก

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...