Skip to main content

Post#4-291: สุขภาพดีไม่มีขาย

Post#4-291:
จากที่เมื่อก่อนผมเป็นอัครสาวกของอาหาร "อชีวจิต"...แต่ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่กลายมาเป็นพวกที่ทานผักและผลไม้ได้มากขึ้น

ลองทบทวนดูแล้ว...เห็นว่าคงต้องขอบคุณลูกสาวตัวน้อย ที่เป็นตัวอย่างที่ดีให้พ่ออย่างผมรู้สึกว่า การทานผักก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด

แน่นอนว่า การทานผักและผลไม้ให้มากขึ้น ไปพร้อมๆ กับการลดปริมาณแป้งและเนื้อสัตว์ลง ก็ส่งผลให้สุขภาพผมดีขึ้น...ทั้งช่วยในเรื่องน้ำหนักและการขับถ่าย

...

ใครๆ ก็รู้ว่าการทานผักและผลไม้นั้น เป็นประโยชน์...เรียนมากันแต่เล็กแต่น้อย หรือไปหาหมอทีไร ก็จะได้รับคำแนะนำให้เน้นผัก ลดแป้ง อยู่บ่อยๆ

แต่ไม่รู้ทำไม หลายๆ คน (เช่น ตัวผมเอง เป็นต้น) จึงไม่ค่อยเห็นว่ามันจะสลักสำคัญแต่อย่างใด

และบ่อยครั้งเรื่องที่เราคิดว่ามันไม่สำคัญ ก็กลับกลายเป็นเรื่องที่มักจะส่งผลกับชีวิตได้ไม่น้อยเลย

เพื่อนผมก็เคยสอนผมไว้..."สุขภาพดีไม่มีขาย อยากได้ต้องทำเอง"

ตอนนี้ พึ่งจะรู้สึกว่า "เออ...จริงของเมิงว่ะ"

...

ในชีวิตจริงของเรา...เราก็มักจะประสบเหตุการณ์คล้ายๆ แบบนี้ อยู่บ่อยครั้ง เพราะคนเรามักจะสร้าง Selective Attention ให้กับเฉพาะเรื่องที่เรา "เห็นด้วย" เท่านั้น

ดังนั้น เสียงเตือนจากเพื่อนๆ, คนรัก หรือกระทั่งครอบครัว ว่าอย่าดื่มเหล้าเยอะ, อย่าสูบบุหรี่จัด, อย่านอนดึกนะ หรือหมั่นออกกำลังกายเสียบ้าง...จึงเป็นเหมือนแค่ลมที่พัดผ่านเข้าหูซ้ายแล้วก็ทะลุออกหูขวาไป

และบ่อยครั้ง มันจึงเกิดเหตุที่เราเรียกว่า "สายเกินไป"...ด้วยเพราะเราต้องสูญเสียเพื่อน, คนรัก หรือคนในครอบครัว ไปเพราะพวกเค้าละเลยที่จะใส่ใจ "เสียงแห่งความห่วงใย" ที่ได้ยินอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

ก็แปลว่า ถ้าเราอยากมีชีวิตอยู่กับคนที่เรารักให้ยาวนานขึ้นแล้วล่ะก็

...เราก็ต้องเริ่มจากรู้จักการรักและเอาใส่ใจตัวเองให้มากขึ้นก่อนครับ...

#NoteToSelf: 

  • คนส่วนใหญ่ มักจะเป็นพวก "ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา"...ซึ่งบ่อยครั้ง เมื่อความเลวร้ายเกิดขึ้น ก็มักจะแก้กันไม่ทัน
  • บางครั้ง เตือนเฉยๆ ก็อาจจะไม่พอ...คงต้องใช้วิธีอื่น ทั้งขู่ ทั้งปลอบ ควบคู่ไปด้วย
  • คิดถึงเพลงของ "ทาทา" ขึ้นมาทันที..."ถ้าเธอไม่รักตัวเอง ไม่เคยดูแลแม้ตัวเอง...แล้วเธอจะรักฉันยังไง"

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...