Skip to main content

Post#4-287: Optimization

Post#4-287:
ไม่รู้จะเป็นการด่วนสรุปไปมั๊ย...แต่ผมมองว่า โดยธรรมชาติของมนุษย์ มักจะต้องการเลือกอะไรก็ตามที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง

ลองสมมติดูก็ได้ครับ...

เอาแบบอย่าโกหกตัวเองนะครับ...ว่าถ้าเรามีโอกาสเลือกได้โดยไม่ต้องจ่ายเงินแม้แต่บาทเดียว

ถามว่าเราจะเลือกรถยนต์ Brand ไหน มาเป็นรถคู่ใจ?

หรือเราอยากจะเลือกกระเป๋า Brand Name ใบไหนมาประดับบารมี?

...

ถามต่อไปว่า ต่อให้เราไม่ต้องจ่ายเงินเลยแม้แต่บาทเดียว...เราเคยคิดมั๊ย ว่ารถที่เราเลือกมาหรือกระเป๋าที่เราเลือกใช้นั้น "เหมาะกับเรา" รึเปล่า?

อย่าลืมนะครับ ว่าเราสมมติให้เลือกแค่รถ หรือกระเป๋า...แต่สภาพอื่นๆ ของเรานั้น เหมือนเดิม

เราเลือกรถแพงๆ...ถามต่อว่า เรามีศักยภาพในการดูแลรถคันนั้น โดยที่เราจะไม่ต้องเดือดร้อนมั๊ย?

เราเลือกกระเป๋าสูดหรูใบละเป็นล้าน...ถามต่อว่า สภาพแวดล้อมและปัจจัยอื่นๆ เอื้อให้เราแต่งตัวและใช้ชีวิตในสังคมแบบนั้นมั๊ย?

...

บ่อยครั้งในชีวิต...เราจึงต้องหมั่นเตือนตัวเอง ว่าเราไม่ควรเลือกสิ่งที่ดีที่สุด มีราคาที่สุด...หากแต่เราควรเลือกสิ่งที่ "เหมาะสม" กับเราที่สุด

เหมือนๆ กับที่องค์กรก็ไม่ควรจะใช้ประโยชน์จากพนักงานแบบ Maximization แต่ควรจะเป็น Optimization

เหมือนๆ กับที่มนุษย์เงินเดือนก็ไม่ควรมองแค่ว่า ที่ไหนให้เงินเดือนแบบ Maximization แต่ควรจะหาที่ทำงานที่เอื้อต่อ Work-life Balance หรือ Optimization

...

ผมไม่ได้ห้ามใครเลือกอะไรที่แพงที่สุด, สร้างผลกำไรมากที่สุด หรือให้ค่าตอบแทนสูงสุด

แค่อยากจะเตือนว่า เมื่อเรามองหาอะไรที่เป็น Maximization...พึงระวังว่าเราไม่ได้กำลังตกกับดักของ Short-term Win

ในเมื่อชีวิตของเรามันต้องวิ่งกันยาวๆ แบบมาราธอน...ก็แปลว่า เราไม่จำเป็นต้องวิ่งให้เร็วที่สุด

...หากแต่ต้องวิ่งด้วยความสม่ำเสมอที่สุด ต่างหาก...

#NoteToSelf: 

  • คนเรานิยามคำว่า "ดีที่สุด" ไม่เหมือนกัน...แต่ควรจะพอนิยามคำว่า "เหมาะสมที่สุด" ให้กับตัวเองได้ง่ายกว่า
  • เมื่อเส้นทางชีวิตมันยาวไกล...ก็ต้องมองให้ยาวๆ...ไม่ใช่มองไปข้างหน้าแค่สั้นๆ
  • ถ้าเริ่มต้นออกวิ่งด้วยความเร็วติดจรวด แต่ลงท้ายต้องออกจากการแข่งมาราธอนระหว่างทาง...ก็เรียกว่าล้มเหลวนะ

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...