Skip to main content

Post#4-278: ไปรับคนที่ไม่เคยเจอกัน

Post#4-278:
ใครที่เคยมารับคนที่ไม่รู้จักหน้าค่าตามาก่อนที่สนามบินฯ จะรู้ดีว่า มันเป็นเรื่องไม่ง่ายเอาเสียเลยครับ

โดยส่วนมาก คนที่มารับก็จะบอกว่า ให้คอยสังเกตป้ายนะ จะชูป้ายรอรับที่ Arrival Hall...

แต่ในความเป็นจริง เคยรู้กันมั๊ยครับ ว่าในแต่ละช่วงเวลา มีคนมาชูป้ายรอกี่ร้อยคนกันเอ่ย?

ยังดีที่สมัยนี้ มีโทรศัพท์มือถือใช้กันอย่างสะดวกสบาย...ซึ่งผมจำไม่ได้เอาจริงๆ ว่า สมัยก่อนนั้น เรามารับคนที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตากันมาก่อนได้ "ถูกตัว" ได้ยังไง?

...

ส่วนเรื่องธรรมเนียมปฏิบัติจองการมาชูป้ายรับที่ Arrival Hall...มันสอนอะไรครับ?

สำหรับผม...มันสอนว่า คนเราไม่ชอบการเปลี่ยนแปลงเอาเสียจริงๆ และมักจะทำอะไรโดยเอาตัวเอง "ง่าย" ไว้ก่อน

ออกตัวก่อนนะครับ...ว่าผมไม่ได้กำลังมองโลกในแง่ร้าย เพียงแต่กำลังวิเคราะห์ "พฤติกรรมของคน" ไปตามประสา ก็เท่านั้น

...

จะมีสักกี่คน ที่จะแนะนำและนัดแนะกับคนที่พึ่งจะเคยเดินทางมาครั้งแรก อย่างเป็นกิจลักษณะ?

ว่ามาถึงสนามบินแล้วจะเจอกับอะไรบ้าง?...แล้วจะผ่านด่านต่างๆ มาถึงจุดนัดพบ โดยไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง ได้อย่างไร?

ส่วนใหญ่ก็จะบอกแต่ว่า เดี๋ยวจะไป "ชูป้าย" รอที่ Arrival Hall นะ...แค่นั้นจริงๆ

...

มานั่งนึกๆ ดู ผมว่าในชีวิตจริงก็ไม่ค่อยต่างกันครับ

ก็เพราะเรายึดเอา "ความเคยชินของเรา" เป็นหลัก เลยนึกไปไม่ถึง ว่าคนที่ไม่เคยชินน่ะ เค้าจะต้องเจออะไรบ้าง?

เราคิดอยู่แต่ว่า "มันก็แค่เรื่องง่ายๆ"...แต่กับคนที่ไม่มีประสบการณ์แล้ว "มันก็ไม่ใช่แค่เรื่องง่ายๆ" เลย

เมื่อเค้ารู้ว่าจะต้องมาเจออะไรบ้าง จะทำให้เค้าเตรียมตัวและวางแผนคร่าวๆ ได้ดีขึ้น

...และเมื่ออีกฝ่ายพอมีความพร้อม งานของเราก็จะสำเร็จได้ง่ายขึ้นด้วยครับ...

#NoteToSelf:

  • จะทำให้อีกฝ่ายรู้ว่า เรา "ตั้งใจ" มารับ...มันน่าจะทำให้ดีกว่าแค่ "ชูป้าย" รอมั๊ย?
  • ถ้าเราทำให้ชีวิตของอีกฝ่าย "ง่าย"...แม้ว่าเราจะต้องออกแรงมากขึ้นอีกหน่อย แต่ผลลัพธ์จะออกมา "คุ้มค่า" แน่ๆ
  • บางครั้งการช่วยคนอื่น ก็หมายถึงการช่วยตัวเอง ด้วย

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...