Skip to main content

Post#4-365: ทำไมเรายังไม่ "รุ่ง" เสียที?

Post#4-365:
เมื่อคืนผมประชุมอยู่กับ Partner ชาวต่างชาติจนถึงดึกดื่น...กว่าจะได้กลับมานอนก็เกือบจะ 5 ทุ่ม

ที่ประชุมกันยาวนานขนาดนี้ ก็เพราะเราต่างก็พูดภาษาของกันและกันไม่ได้ และแน่นอนว่าภาษาอังกฤษของแต่ละฝ่ายก็แย่ไม่ต่างกัน

เรื่องทั้งหมดที่ต้องคุยกัน จึงต้องผ่าน "ล่าม"...ซึ่งพูดภาษาอังกฤษและภาษาของ Partner ผมได้ แต่พูดภาษาธุรกิจไม่เก่ง

ดังนั้น กว่าแต่ละฝ่ายจะทำความเข้าใจให้อีกฝ่ายรู้เรื่อง ก็ต้องอธิบายให้ล่ามรู้เรื่องให้ได้ก่อน เพราะถ้าล่ามสื่อสารผิด ทุกอย่างจะผิดเพี้ยนไปทั้งหมด

...

นี่เองที่ผมย้ำไว้เป็นหนักหนา ว่า "ภาษา" เป็นเรื่องสำคัญเหลือเกิน

จริงที่ว่า เราไม่อาจพูดภาษาทั้งโลกได้...แต่ภาษาที่เป็น "หัวใจ" ของโลก...เราก็ไม่ควรและไม่อาจจะละเลยได้

ผมคงไม่ฟันธงนะครับ ว่าภาษาที่เป็นหัวใจของโลกมีภาษาอะไรบ้าง...เอาเป็นว่า ใครต้อง deal งานข้ามประเทศ ย่อมต้องรู้เองนั่นแหละ ว่าตัวเองต้องพัฒนาภาษาอะไร

อย่าให้เหตุผลหรืออ้างกับตัวเองเลยครับ ว่ามันสายไปแล้ว ที่จะเรียนรู้ภาษาใหม่ๆ...ไม่มีเวลาบ้าง, แก่เกินไปบ้าง, มันยากบ้าง, ฯลฯ

รวมความแล้ว ก็เพราะเราไม่เอาจริง, เราขี้เกียจ และเรายังกระหายความสำเร็จไม่พอ นั่นเอง

...

ไม่ใช่เฉพาะเรื่องภาษาหรอกครับ

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรที่ใหม่สำหรับตัวเรา แต่เป็นเรื่องสามัญสำหรับคนอื่นน่ะ...ถ้าเราไม่คิดจะขวนขวายให้เรามีเท่ากับคนอื่น ก็ไม่ต้องถามหรอกครับ ว่าทำไมเรายังไม่ "รุ่ง" เสียที?

สัปดาห์นี้ หัดคำศัพท์ 5 คำ, สัปดาห์หน้าอีก 5 คำ, จำไปเรื่อย ทบทวนไปเรื่อย...ครบปี เราจะรู้คำศัพท์ภาษาที่เราอยากจะเก่งเพิ่มได้ถึง 260 คำ...ก็พอทักทายได้ หาข้าวทานได้แล้ว

...รู้อย่างนี้แล้ว ยังมีอะไรมาเป็นเหตุผลหรือข้ออ้างให้กับตัวเอง มากไปกว่า "ไม่คิดจะทำ" รึเปล่าเอ่ย?...

#NoteToSelf: 

  • อยากเก่งภาษาหรือเรื่องอื่นใดก็ตาม...ไม่ใช่อยู่ที่ "ไม่มีหัว" แต่อยู่ที่ "ไม่มีใจ" มากกว่า
  • ไม่มี "พรสวรรค์" เป็นเรื่องฟ้าไม่ช่วยตัวเรา...แต่ไม่มี "พรแสวง" เป็นเรื่องเราไม่ช่วยตัวเอง
  • อยากเก่ง...แต่อยากแค่ "คิด" กับ "พูด" แล้วจะเก่งขึ้นได้ยังไง?
  • ถ้ามีเวลามาหาข้ออ้างว่าทำไมเราถึงไม่เก่งทั้งที่อยากเก่ง...ก็เอาเวลาไปฝึกหัดสิจ๊ะ รออะไรอยู่?

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...