Skip to main content

Post#5-018: ไม่ได้จองที่

Post#5-018:
เที่ยงวานนี้ ผมนัดทานข้าวกับกลุ่มเพื่อนที่เคยทำงานด้วยกันเป็นประจำ

ก็นัดกันล่วงหน้านานพอควรล่ะครับ...เพราะแต่ละคนตารางงานก็แน่นหนักหนาเอาการอยู่พอสมควร

หลังประชุมช่วงเช้าเสร็จ...ผมก็บอกคนรถให้รีบทำเวลา เพราะไม่ชอบไปสายแล้วให้เพื่อนๆ ต้องมารอ

ระหว่างทางนั้นเอง...ก็มีข้อความใน Line เข้ามา จากคนที่ไปถึงก่อนแล้ว ว่าร้านปิด

เท่านั้นล่ะครับ...ทุกคนเหวอหมด เพราะเป็นเหตุที่ไม่คาดฝันมาก่อน

เช็คกันครู่นึง...เพื่อนที่เป็นคนสรุปนัดและสรุปร้าน ก็สารภาพแบบเขินๆ ว่าไม่ได้โทรมาจองที่ล่วงหน้า

...

เอาจริงๆ นี่เป็นเรื่องที่เรามักจะมองข้ามไปกันบ่อยๆ...เพราะร้านที่เรานัดกันมา ก็เป็นร้านที่เรามาบ่อย แล้วก็มาเวลาเที่ยงทุกที

มันจึงไม่อยู่ในความคาดหมาย ว่าทางร้านจะเปลี่ยนแนวทางไปเป็นเปิดเฉพาะมื้อเย็นเพียงเท่านั้น

กระทั่งผมเอง ก็ไม่คิดมาก่อน จึงไม่ได้ถามย้ำเพื่อนก่อนหน้านี้...ว่าจองที่ไว้รึยัง?

โชคดีที่แถวๆ ร้านที่นัดกัน มี Community Mall เล็กๆ ที่ดีพอให้ผมและเพื่อนๆ ฝากท้องไว้ได้...เราก็เลยไม่เสียเที่ยว

...

นี่เอง...ที่สะท้อนความจริง 2 ข้อ ไว้เป็นข้อเตือนใจ

คือหนึ่ง...ไม่มีอะไรเป็นตลอดกาลและตลอดไป...สรรพสิ่งย่อมเกิดการเปลี่ยนแปลงและผันแปรไปตามกาลและเทศะ

และสอง...คนเราควรถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาท เพราะหากไม่เตรียมการล่วงหน้า ก็ไม่อาจคาดหวังได้อย่างมั่นใจ ว่าผลลัพธ์จะเป็นไปอย่างที่เราคาดหวัง

...เมื่อไหร่ก็ตาม ที่ตายใจว่าทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม...ก็เมื่อนั้นล่ะครับ มี่เรามักจะได้รับบทเรียนบางอย่าง...

#NoteToSelf: 

  • เรื่องหน้าแตกนี้ มองเผินๆ ก็เป็นเรื่องขำๆ ไว้อำกันเล่น...แต่เอาจริงๆ มันสอนให้เราต้องรู้จักเตรียมการล่วงหน้า
  • ในเมื่อไม่มีอะไรเป็นตลอดกาลและตลอดไป...เราจึงต้องถึงพร้อมซึ่งความไม่ประมาท
  • ต่อให้เตรียมการ ก็อย่านึกว่าผลลัพธ์จะดีดังใจหวังเสมอไป...ดังนั้น ต้องมีแผนสำรองในหัวไว้บ้าง ก็จะดีที่สุด

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...