Post#5-013:
ออกตัวก่อนว่านี่เป็นการตีความตามความเห็นของผมเท่านั้นนะครับ...กรุณาอย่าไปถือเป็นข้อมูลอ้างอิงจริงๆ จังๆ แต่อย่างใด
ผมแค่รู้สึกว่า ผู้คนส่วนใหญ่ยังแยกความแตกต่างระหว่าง "รู้สึกผิด" กับ "สำนึกผิด" ได้ไม่ถูกต้องนัก
ก่อนผมจะแจกแจงการตีความของผม...ก็ขอชวนทุกท่านลองวิเคราะห์ดูทีครับ ว่าสองคำนี้ ต่างกันยังไงในความคิดของแต่ละปัจเจก?
ผมให้เวลา 5 นาที...พอมั๊ยครับ?
...
โดยมากแล้ว...เมื่อคนเรารู้ตัวแล้ว ว่าทำผิดต่อผู้อื่น เราก็มักจะไม่ลังเลที่จะแสดงความเสียใจและขอโทษ
นั่นแหละครับ...ที่ผมเรียกว่า "รู้สึกผิด"
หากแต่เมื่อเรารู้สึกเสียใจและขอโทษแล้ว...ไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ เรายังคงปล่อยให้ความผิดพลาดเดิมๆ เกิดขึ้นกับคนเดิมอีกมั๊ย?
ถ้าใช่...ก็หมายความว่า เรายังไม่ได้ "สำนึกผิด" นั่นเอง
...
คนเรามักจะเคยชินกับการขอโทษ...แต่ไม่ค่อยจะคิดถึงการป้องกันหรือระวังไม่ให้ข้อผิดพลาดแบบเดิมๆ เกิดขึ้นอีก
ก็แปลว่า แม้ปากเราจะพูดขอโทษขอโพย...หากแต่ใจเราไม่ได้สำนึกในความผิดพลาดที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย
จึงเป็นเหตุให้เราต้องขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่า...นั่นไง
"รู้สึกผิด" จึงต่างจาก "สำนึกผิด"...ตามเหตุผลที่ผมสาธยาย (หรือ "โม้") มา ^^
...
ลองนึกย้อนตามผมดูครับ...ว่าเราเป็นพวก "รู้สึกผิด" แต่ไม่ "สำนึกผิด" รึเปล่า?
เรารู้ตัวว่าผิด...เราขอโทษต่อฝ่ายที่ถูกละเมิด
แต่เราไม่เคยถามอีกฝ่ายเลย...
ว่า เราจะแก้ไขหรือเยียวยา ความผิดพลาดที่เราก่อขึ้น ได้ยังไงบ้าง?
ขอโทษแล้วก็แล้วกัน...ว่างั้น?
ลองถ้าใครมาทำกับเราบ้าง...เค้าแค่กล่าวขอโทษแล้วเดินจากไปง่ายๆ
เราก็จะ ok...งั้นใช่มั๊ย?
...
หากรู้สึกผิดจริงๆ...เราจึงควรก้มหัวขอโทษ
และหากสำนึกผิดจริงๆ...เราจึงต้องแก้ไขหรือเยียวยาต่อผู้ถูกละเมิด
...ที่สำคัญ ต้องระลึกอยู่เสมอว่า จะไม่ปล่อยให้ความผิดพลาดแบบเดิมๆ เกิดขึ้นอีกเป็นคำรบสอง...
#NoteToSelf:
- ขอโทษแต่ปาก หากใจไม่สำนึก ก็ไร้ความหมาย...และส่งผลให้ ต่อไป "คำขอโทษ" ของเราก็จะไร้ค่า
- ดังนั้น "รู้สึกผิด" จึงไม่พอ...ต้อง "สำนึกผิด" ด้วย...จึงจะถูกต้อง
- ขอโทษแล้ว...จงแก้ไข และเสียใจแล้ว...จงอย่าพลาดซ้ำเดิม
Comments
Post a Comment