Skip to main content

Post#5-012: ลาจากให้สง่างาม

Post#5-012:
ว่ากันตรงๆ แบบไม่เข้าข้างทั้งเจ้านายและลูกน้อง...มันเป็นเรื่องที่รู้กันดีอยู่แล้ว ว่าเราไม่อาจทำงานถูกใจคนทุกคนได้พร้อมๆ กัน

แต่มันเป็นเรื่องน่าเสียดายอยู่ไม่น้อย...ที่ส่วนใหญ่แก้ปัญหาของการทำงานไม่ถูกใจกันและกัน ด้วย "การลาจาก"

ทั้งๆ ที่บ่อยครั้ง การทำงานไม่ถูกใจกันนั้น มันอาจจะแก้ได้ง่ายๆ...ก็แค่ทั้งสองฝ่ายต่างเพียงแค่ "ปรับมุมมอง" เท่านั้นเอง

...

แต่เอาล่ะ...แม้จะต่างฝ่ายต่างถือ "ตัวกูของกู" เป็นใหญ่...ก็ไม่ว่ากันครับ เพราะต่างคนต่างมีวิธีคิดและเหตุผลของตัวเอง

เอาเป็นว่า...เมื่อไม่มีใครยอมปรับเปลี่ยน ก็คงเหลือแค่เพียง "การลาจาก" เป็นคำตอบสุดท้าย

เป็นคำตอบสุดท้ายที่มักจะเป็นคำตอบแรกที่คนส่วนใหญ่เลือก...คงเพราะมัน "ง่ายดี"

แต่จะทำให้เป็นการลาจากหรือลาออกที่สง่างามน่ะ มัน "ไม่ง่าย" เลย

...

หากเราเป็นฝ่ายลูกจ้าง...แม้ว่าเป็นการตัดสินใจลาออกด้วยอารมณ์ แต่ต้องดำเนินการลาออกด้วยเหตุผล

ไม่ใช่จะถือว่า "ลาออกแล้ว" ก็เลยมีสิทธิ์ที่จะทิ้งงานไปเฉยๆ...คิดแค่ว่ารับเงินแล้วก็จะสะบัดก้นทิ้งไปแบบสะใจ

ใครทำแบบนี้ก็ไร้ซึ่งความยั้งคิดของผู้ได้ชื่อว่ามีการศึกษา และถือว่าไร้ซึ่งความรับผิดชอบในฐานะลูกจ้าง

แล้วใครที่ไหนจะอยากรับคนแบบนี้ไปทำงานด้วยต่อ?

...

ถ้าเราเป็นนายจ้าง...ใช่ว่าอยากจะไล่ลูกจ้างออก, อยากจะกดขี่ข่มเหง หรืออยากจะแสดงอำนาจแบบไหนก็ได้

พึงสำนึกไว้ด้วยว่า ลูกน้องคนที่เราให้ออกไปน่ะ อาจจะไม่ใช่ปัญหา...แต่ลูกน้องคนที่ยังอยู่กับเราน่ะ รู้มั๊ยว่า พวกเค้ากำลังคิดอะไรอยู่?

ดังนั้น การจากลาลูกน้องอย่างสง่างามและเปิดเผย...จึงเป็นเรื่องที่นายจ้างก็ควรทำเช่นกัน

ถ้าทำได้ไม่ดี...ใครที่ไหนจะอยากทำงานด้วยต่อ?

...

ยกเว้นแต่ว่า เป็นการลาจากเพราะความประพฤติเลวร้ายหรือร้ายแรง...ก็เป็นอีกเรื่อง

นอกจากกรณีเลวร้ายที่ว่านั้นแล้ว...ไม่ว่าเราจะเป็นฝ่ายจากไปหรือฝ่ายอยู่ต่อ...ควรต้องเปิดทางลาจากกันให้อีกฝ่ายอย่างสมเหตุสมผล

ถ่ายงานกันให้ดี, เคลียร์ใจกันให้เหมาะ...เอาเป็นว่าควรจากกันอย่างมิตร อย่าจากกันเยี่ยงศัตรู

...ชีวิตมักเล่นตลกกับเราเสมอ...จากกันไปแล้ว เผื่อวันหน้ามาเจอ จะได้ต่างฝ่ายต่างยังพอจะยิ้มให้กันได้บ้าง...

#NoteToSelf: 

  • อยู่ต้องอยู่อย่างสง่างาม...แต่จากไปจะต้องให้สง่างามยิ่งกว่า
  • รู้จักทิ้ง "ตัวกูของกู"...และมองจากมุมของอีกฝ่ายดูบ้าง...บางทีปัญหามันก็เกิดจาก ego แค่นั้นจริงๆ
  • ลาจากเป็นเรื่องง่าย...แต่จากลาเป็นเรื่องไม่ง่าย...เลือกแบบไหนก็อยู่ที่ตัวเราเองนะ

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...