Post#5-026:
“การเอาตัวรอด” คงเป็นสัญชาติญาณของสิ่งมีชีวิตที่ฝังอยู่ใน Genetic ของมนุษย์...ที่ไม่อาจแก้ได้กระมังครับ
นิยามของการเอาตัวรอด จึงน่าจะหมายถึง ความพยายามของคนเรา ที่จะมีชีวิตรอดต่อไปให้ได้ ไม่ว่าจะด้วยวิถีทางใด...ก็จะต้องรอดไปให้ถึงวันรุ่งพรุ่งนี้
และก็เพราะสัญชาติญาณติดตัวนี่เอง ที่ทำให้มนุษย์ผ่านพ้นยุคหิน อยู่รอดจนสร้างอารยธรรม และกลายเป็นผู้ปกครองโลกในปัจจุบัน
...
แต่แม้ว่าการเอาตัวรอดจะฝังอยู่ในสัญชาติญาณของเรา...มันก็ไม่ได้แปลว่า เราจะแปลงความหมายของการเอาตัวรอดให้เป็นเรื่องเดียวกับ “การเห็นแก่ตัว” ไปได้
และก็เป็นที่น่าเสียดายจริงๆ ที่ผู้คนจำนวนมากมายตีความไปในทางที่ผมว่า
การเอาตัวรอดที่แท้ จึงควรอยู่บนความพอเหมาะพอควร...เพียงเพื่อให้เรามีชีวิตรอดไปได้ แต่ย่อมไม่ใช่เพื่อการสร้างสมความมั่งคั่งโดยทำร้ายหรือทำลายคนอื่น!
...
เรามักอ้างความจำเป็นของเราเป็นเหตุผลอันชอบธรรมในการเหยียบย่ำผู้อื่น เพียงเพื่อให้เราก้าวสูงขึ้น และสูงขึ้น...ซึ่งความจำเป็นแบบนี้ ต่างจากสัญชาติญาณการเอาตัวรอดที่ฝังอยู่ในตัวเรา เพราะมันได้ก้าวข้ามไปเป็น “ความเห็นแก่ตัวด้วยความละโมบ” ไปเรียบร้อยแล้ว
ในโลกแห่งการแก่งแย่ง ย่อมมีทั้งผู้แพ้และผู้ชนะ...
และแม้ว่าทุกคนอยากจะเป็นผู้ชนะ...ก็ไม่ได้หมายความว่า เราควรจะเป็นผู้ชนะอยู่บนซากศพและความสาหัสของผู้แพ้
หากว่าการเอาตัวรอด จะเป็นสัญชาติญาณที่ฝังอยู่ในสันดานดิบของคน
...เราซึ่งเป็นผู้รู้คิด จึงต้องเอาชนะสัญชาติญาณดิบ เพื่อคงไว้ซึ่งศักดิ์ศรีของมนุษย์ผู้ประเสริฐ...หรือมิใช่ครับ?...
#NoteToSelf:
- อย่าอ้างว่าจำเป็น จนกลายเป็นละโมบ!
- ขีดคั่นของความจำเป็น อยู่ที่เพื่อความอยู่รอด…ไม่ใช่เพื่อความมั่งคั่งจนลืมศักดิ์และศรีแห่งความเป็นมนุษย์
- ผู้ชนะที่แท้จริง คือผู้ชนะที่ผู้แพ้ยิ้มให้และยอมรับด้วยใจ...ไม่ใช่สาปแช่ง
Comments
Post a Comment