Skip to main content

Post#5-036: หน้าที่ของ Distributor

Post#5-036:
บ่ายวันนี้ ผมมีโอกาสได้เข้าเยี่ยมชมโรงงานระดับโลกแห่งหนึ่ง ถึงเมืองปูซาน ที่ประเทศเกาหลีใต้

สารภาพว่า ก่อนมาเยี่ยมชมโรงงาน...ผมจินตนาการไปไม่ถึงจริงๆ ว่า สินค้าชนิดนี้ จะมีวิธีและขั้นตอนการผลิตที่ละเมียดละไม และน่าทึ่งได้ถึงขนาดนี้

มันเยี่ยมยอดจนทำให้ผมต้องสรุปกับตัวเองว่า...ถ้าขายสินค้าชิ้นนี้ไม่ได้ ย่อมไม่ใช่ปัญหาที่มาจากตัวสินค้า หากแต่เป็นเพราะผมและทีมงาน คงจะมีฝีมือไม่ถึงขั้นเสียล่ะมากกว่า

...

ก่อนจะเลือกสินค้าอะไรไปขายก็ตาม...ผมถือเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง ที่ตัวผมและทีมงานจะต้องมั่นใจในสินค้านั้นๆ ก่อน

เพราะถ้าผู้ขายอย่างเราไม่มั่นใจ...เราย่อมไม่มีทางที่จะทำให้ผู้ซื้อมั่นใจไปกับสินค้าของเราได้

เมื่อสินค้าดีพร้อม ผู้ขายก็จะขายได้อย่างมั่นใจ...อันจะนำมาซึ่งความพึงพอใจของลูกค้า ซึ่งเป็นเป้าหมายระยะยาว สำหรับการสร้างธุรกิจให้ยั่งยืน

...

สินค้าที่ดี จึงต้องผ่านการสื่อสารที่ถูกต้อง ผ่านช่องทางที่เหมาะสม เพื่อให้ผู้ซื้อได้รับรู้ข้อมูลที่น่าสนใจของสินค้า ทั้งในแง่มุมของการสร้าง Brand และในแง่ของ Product Benefit

นี่เอง จึงถือเป็นความสนุกและท้าทายสำหรับผมและทีมงาน กับทุกครั้งที่มีโอกาสได้เป็นตัวแทนขายสินค้าใหม่ๆ...เพราะมันเป็นโอกาสที่ทำให้เราเติบโตขึ้นเรื่อยๆ

หน้าที่ของ Middle Man อย่างผม...จึงต้องถ่ายทอด Brand Identity ของสินค้า ผ่านช่องทางที่เหมาะสม ไปยังมือของลูกค้า

ในขณะเดียวกัน ผมก็มีพันธกิจที่จะต้องนำ Customer Feedback จากลูกค้า...กลับไปป้อนกลับให้กับ Brand Owner เพื่อพัฒนาสินค้าให้ดีขึ้นและดีขึ้นต่อไป

...แต่งานของผมและ Brand Owner จะสำเร็จหรือไม่นั้น...เราคงต้องให้ผู้บริโภคเป็นผู้ให้คำตอบ...

#NoteToSelf: 

  • Brand Owner เก่งคิดมากกว่าเก่งขาย ส่วน Distributor เก่งขายมากกว่าคิดค้น...มันจึงเป็นส่วนผสมอันลงตัวของทั้ง 2 ฝ่าย
  • ลูกค้า ชอบใช้ของดีที่คุ้มราคา แต่ไม่รู้ว่า สินค้าไหนดีจริง คุ้มราคาจริง...นี่เอง ที่การเลือกใช้สินค้าจากตัวกลางที่น่าเชื่อถือ จึงเป็นทางออกที่ช่วย screen out ได้ระดับหนึ่ง
  • ถ้า Samsung ทำ รับรองว่าดีจริง...ผมคงต้องบอกว่าถ้าผมเลือกขาย คงไม่ต้องสาธยายว่าดี” #แอบขายของ

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...