Skip to main content

Post#5-034: หลุมพรางทางการตลาด

Post#5-034:
มีใครได้ใช้ Cellular Phone ของตัวเอง ได้ครบถ้วนทุก function บ้างมั๊ยครับ?

ผมเดาเอาว่า คงมีน้อยคนเต็มทีที่ใช้งาน Cellular Phone ได้คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป...แต่ไม่รู้ทำไม เวลามีรุ่นใหม่ๆ ออกมา เราก็มักจะเลือกรุ่น Top สุดไปเสียทุกที

เคยซื้อนมกล่องใหญ่แทนที่จะเป็นขนาดที่พอดีอิ่ม เพียงเพราะเทียบแล้วราคาต่อ ml ถูกกว่าบ้างมั๊ยครับ?

แล้วเคยซื้อเครื่องสำอางทีเดียวยกโหล เพราะได้ราคาต่อชิ้นถูกกว่า...แต่ใช้ไม่เคยทันหมดอายุบ้างรึเปล่า?

พฤติกรรมที่เราเคยชินแบบนี้นี่เอง...ที่อาจจะเป็นตัวบ่งชี้ว่า เรายังใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล

...

เอาจริงๆ นักการตลาดและนักขาย ต่างก็รู้จุดอ่อนข้อนี้ของคนเราเป็นอย่างดี...จึงมักสร้าง Marketing Campaign ที่ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่ตกหลุมพรางได้บ่อยๆ

เราจึงมักซื้ออะไรเกินความจำเป็น...โดยบางทีก็รู้ตัว แต่ก็ห้ามตัวเองไม่ค่อยได้

การสร้าง demand แบบนี้ล่ะครับ...ที่สอนกันใน class ของ Marketing สมัยที่เรียนปริญญาตรีกัน ในชื่อวิชา Consumer Behavior

...

ดังนั้น เราจึงต้องรู้ให้เท่าทัน เวลาเจอข้อเสนอที่ทำให้เรารู้สึกว่ามันคุ้มค่าซึ่งจริงๆ แล้ว มันอาจไม่ได้คุ้มค่าอย่างที่เราคิด

ซื้อ Cellular Phone รุ่น Top มา...สรุปว่า เราใช้คุ้มมั๊ย? เราซื้อมาใช้ หรือซื้อมาโชว์?

ซื้อนมกล่องใหญ่...ดื่มจนท้องอืดก็ยังไม่หมด ถามว่า เราดื่มนมเพื่อสุขภาพ หรือดื่มเพื่อทรมานตัวเอง?

ซื้อเครื่องสำอางมาเป็นโหล...สุดท้ายหมดอายุไปกว่าครึ่ง ถามว่า เราใช้เงินคุ้มมั๊ย?

...

เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว...เราก็อาจใช้เรื่อง Consumer Behavior นี้ มาประยุกต์ใช้กับเรื่องอื่นๆ ได้

เช่น ก่อนคิดจะเปลี่ยนงานใหม่ ก็จงคิดให้รอบคอบ และพิจารณาหลายๆ มุม...ไม่ใช่เพียงเพราะได้เงินเดือนมากขึ้น ก็ตัดสินใจโดยทันที

เอาให้แน่...ให้เรารับผิดชอบงานระดับไหน, ค่าเดินทางและค่าครองชีพอื่นๆ เพิ่มขึ้น รึเปล่า, สภาพแวดล้อมอื่นๆ และ ฯลฯ

เมื่อเห็นสตางค์อยู่ตรงหน้า...มนุษย์จึงมักขาดสติ

...ก็เพราะโลภมากหรือใจเร็วด่วนได้”...จึงมักตกหลุมพราง และกว่าจะรู้สึกตัว ก็ขึ้นจากหลุมไม่ได้เสียแล้ว...

#NoteToSelf: 

  • อย่าเห็นแก่ผลประโยชน์ตรงหน้า จนลืมมองให้ไกลและกว้างเพียงพอ
  • อะไรที่เราคิดว่าคุ้มค่า”, แน่ใจแล้วใช่มั๊ย ว่ามันคุ้มจริงๆ...ไม่ใช่แค่คุ้มค่า แค่ในความรู้สึก
  • ตกหลุมพรางครั้งแรก เราก็น่าจะยังพอให้อภัยตัวเองได้...แต่ถ้าตกหลุมพรางครั้งแล้วครั้งเล่า เราจะนิยามตัวเองว่าอะไรดีหนอ?

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...