Skip to main content

Post#5-042: หน้าที่, ความรัก และความรับผิดชอบ

Post#5-042:
หลายวันก่อน...ผมเอ็ดลูกสาวไปยกใหญ่ถึงขั้นเสียน้ำตา

เรื่องของเรื่อง ก็ด้วยเหตุที่เธอทำเรื่องที่ไม่เข้าท่า...อารมณ์ประมาณว่า นึกถึงแต่ตัวเองเป็นใหญ่ โดยไม่แคร์ความรู้สึกของผม

แม้ว่า ก่อนหน้านี้ ผมจะเตือนลูกไปหลายหน...แต่เธอก็ยังผิดซ้ำเดิมอยู่ซ้ำๆ...ผมจึงไม่มีเหตุให้ต้องปราณีในการสอนบทเรียนให้กับเธอ

...

ตามประสาของเด็กน้อย...ที่เมื่อโดนดุ ก็ต้องมีน้ำตา และหวังว่าจะได้รับการปลอบขวัญ

แต่ผมก็ใจแข็งพอ ที่จะบอกลูกว่า เธอจะได้รับการปลอบขวัญ ก็ต่อเมื่อเธอรู้จักสำนึกผิดไม่ใช่แค่รู้สึกผิด

ส่วนใหญ่คนเราจะรู้สึกผิดแต่มักไม่ค่อยสำนึกผิด”...เราจึงผิดพลาดซ้ำสองซ้ำสามอยู่นั่นเอง

...

ผมสอนลูกว่า คนเราต้องเรียนรู้ทั้งการเป็นผู้ให้และผู้รับ”...และแม้เธอจะเป็นลูกของผม แต่เธอจะเอาแต่รับ โดยไม่คิดจะให้อะไรกลับคืนมากับผมเลย ย่อมไม่ได้

ที่ผมสอนลูกแบบนี้ ไม่ใช่ว่า ผมต้องการเรียกร้องหรือตั้งเงื่อนไขใดๆ กับความรักที่ผมมีให้กับลูก

หากแต่ผมไม่ต้องการจะเป็นพ่อแม่รังแกฉัน”...ที่แม้จะพบว่า ลูกคิดไม่ถูกต้อง แต่ก็ปล่อยให้ผ่านเลยไป

ผมต้องการให้ลูกรับรู้และเข้าใจ...ว่าถ้าเรารู้จักรับเราย่อมมิอาจอยู่บนโลก โดยมิเคยรู้จักให้

...

ผมบอกลูกว่า การที่เราอยู่เป็นครอบครัว เราจำเป็นต้องดูแลกันและกัน

เธอจะมีความสุขอยู่ฝ่ายเดียว โดยที่ผมต้องเป็นฝ่ายทุกข์อยู่ทุกครั้งไป...ย่อมไม่ได้

เธอจะมาอ้างสิทธิ์ว่าเป็นลูกหรือเป็นเด็ก จึงมีความชอบธรรมที่จะเป็นผู้ครอบครองความสุขแต่เพียงผู้เดียว...หาได้ไม่

...

สำหรับคนเป็นพ่อ-แม่...

มันเป็นเรื่องของหน้าที่”...ที่จะต้องเลี้ยงดูให้ลูก มีความสุขทางกาย

มันเป็นเรื่องของความรัก”...ที่จะต้องเลี้ยงดูให้ลูก มีความสุขทางใจ

...และมันเป็นเรื่องของความรับผิดชอบ”...ที่จะต้องเลี้ยงดูให้ลูก มีความนึกคิดอันควร...

#NoteToSelf: 

  • ร้องไห้เพราะรู้สึกผิด ต่างจาก ร้องไห้เพราะสำนึกผิด...แบบแรก เพราะสงสารตัวเอง แต่แบบหลัง เพราะสงสารผู้อื่นที่เดือดร้อนเพราะเรา
  • เมื่อเห็นว่าลูกคิดไม่ถูกไม่ควร...อย่าปล่อยผ่าน เพราะเห็นว่าเป็นลูก หรือเห็นว่าเป็นเด็ก / เพราะแม้ลูกจะยังไม่เข้าใจเรื่องเหตุและผล แต่รับรองได้ว่า ลูกจะสัมผัสได้ ถึงความไม่ปกติกับสิ่งที่เกิดขึ้น
  • เราจะไม่มีวันรู้ซึ้งถึงความโชคดีของการเป็นผู้รับ”...จนกว่าเราจะเรียนรู้ถึงความเสียสละของการเป็นผู้ให้
  • เมื่อรู้ซึ้งถึงการเป็นผู้ให้”...เราจะเข้าใจ ว่าเมื่อใดจึงควรจะเป็นผู้รับ
  • ก็เพราะรักลูก...จึงต้องรู้จักใจร้ายเพื่อให้ลูกอยู่บนทางที่ควร

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...