Post#5-045:
หลายๆ คนอาจไม่เคยรู้ตัวเลยว่า ได้จ่ายเงินซื้อสินค้า โดยที่จ่ายเป็นค่าบรรจุภัณฑ์มากกว่าเป็นค่าผลิตภัณฑ์ เสียอีก
จะว่าไป มันก็เป็นกลไกหนึ่งของการตลาด ที่สร้างมูลค่าเพิ่มในตัวสินค้า ให้ดูมีค่า และสามารถตั้งราคาให้แพงขึ้นกว่าปกติได้
ที่น่าทึ่งกว่านั้น หลายๆ คนก็รู้ซึ้งถึงกลไกนี้...แต่ก็เต็มใจควักเงินเพิ่มอย่างเต็มใจ เพราะเจ้าบรรจุภัณฑ์ที่ว่า ก็น่าครอบครองเสียจริงๆ
...
แต่ก็มีหลายกรณีอยู่เหมือนกัน ที่ผู้ผลิตจำเป็นต้องสรรหาบรรจุภัณฑ์ที่มีค่าให้มากพอที่จะคู่ควรกับผลิตภัณฑ์ที่จะถูกบรรจุลงไป
เรียกว่า การสร้างความประทับใจเมื่อเรียกพบ ก็มีความสำคัญที่จะสร้างให้ผลิตภัณฑ์ที่อยู่ข้างใน ทวีมูลค่าและคุณค่ามากขึ้นไปอีก
ผลิตภัณฑ์มากคุณค่า จึงต้องอยู่ในบรรจุภัณฑ์ทรงมูลค่าที่คู่ควร...ว่าอย่างนั้น
...
แล้วในความเป็นจริง ตัวเราเป็นสินค้าแบบไหนกันแน่?
เราเป็นพวกมีดีแค่บรรจุภัณฑ์ ส่วนผลิตภัณฑ์ข้างในกลับด้อยกว่า...หรือที่เรียกว่า “สวยแต่รูป จูบไม่หอม”
หรือเราเป็นแบบดีพร้อมตั้งแต่บรรจุภัณฑ์ไปยังผลิตภัณฑ์ภายใน?
หรือเราเป็นพวกไม่เน้นบรรจุภัณฑ์ แต่มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ของเราดีมากจริงๆ แบบ “ผ้าขี้ริ้วห่อทอง”
หรือเราเป็นพวกบรรจุภัณฑ์ก็เลวทราม ตัวผลิตภัณฑ์ก็เลวร้าย?
...
เอาจริงๆ พวกที่มีอยู่เยอะ ก็น่าจะเป็นพวกผ้าขี้ริ้วห่อทอง กับพวกสวยแต่รูป จูบไม่หอม
พวกสวยแต่รูป จูบไม่หอมนี่ ต้องเร่งพัฒนาตัวเองโดยเร็ว เพื่อให้เราดีพร้อมทั้งภายนอกและภายใน
ส่วนพวกผ้าขี้ริ้วห่อทองนี่ ส่วนมากเป็น “Inde”...เรียกว่า มีความเป็น “Art ตัวพ่อและตัวแม่” สูง
จริงครับ...ไม่เถียงเลย ว่าถ้าเรา “มีดี” ยังไงก็คงมีคนเห็นแน่ๆ ในวันหนึ่ง
...หากแต่คนฉลาด ย่อมต้องรู้จักสร้างโอกาสที่ดีให้ตัวเอง ไม่ใช่รอให้คนเอาโอกาสมา “ยื่น” ให้...หรือมิใช่?...
#NoteToSelf:
- หีบห่อสวยงาม แต่ข้างในห่วยแตก...ก็หลอกคนได้ไม่นาน ดังนั้น แต่งตัวดีแล้ว จึงควรพัฒนาภายในให้ดีทัดเทียมหีบห่อด้วย
- ความดีกับความเก่ง เป็นสิ่งมองเห็นยาก จึงต้องสร้างปัจจัยนำเพื่อเปิดโอกาสให้ตัวเองเสียก่อน
- มีดีจึงต้อง “อวด” ให้เป็น...แต่ไม่ใช่ “อวดดี”
- ไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวหรือเรื่องงาน...เราเลือกได้ ว่าอยากจะเป็น “สินค้า” ระดับไหน!
Comments
Post a Comment