Skip to main content

Post#5-054: อัศวินขี่ม้าขาว

Post#5-054:
สมัยมัธยมต้น ในชั่วโมงวิชาวิทยาศาสตร์เบื้องต้น...เราคงเคยทดลองทางเคมีกันมาบ้างแล้ว

และคงพอจะทราบกันว่าน้ำกับน้ำมันนั้น เข้ากันไม่ได้เลย...เรียกว่าจับมาผสมยังไง ก็จะแยกชั้นกันอยู่นั่นเอง โดยน้ำอยู่ชั้นล่าง และน้ำมันลอยอยู่ชั้นบน

แล้วก็มีอัศวินขี่ม้าขาวปรากฎกายมาช่วยเหลือ และทำให้น้ำกับน้ำมันผสมกันเป็นเนื้อเดียวกันได้ในที่สุด

อัศวินขี่ม้าขาวที่ว่า มีหลากหลายครับ บ้างก็เป็นสบู่ บ้างก็เป็นแอลกอฮอลล์ และ ฯลฯ

ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการ...ว่าเราจะให้น้ำกับน้ำมันผสมกันเป็นอะไร?

...

แล้วในชีวิตจริงล่ะ?

มีใครได้เคยเล่นบทเป็นอัศวินขี่ม้าขาวแล้วบ้างครับ?

ถ้าใครเคยแล้ว...ผมขอปรบมือเป็นการยกย่องและชมเชย แบบกราวใหญ่ๆ เลย

ไม่ใช่ว่า ใครๆ ก็เป็นอัศวินขี่ม้าขาวได้นะครับ เพราะบทนี้ ต้องอาศัยทักษะหลายๆ อย่าง...และที่สำคัญ ต้องมีจิตใจที่ดีงามและกล้าหาญมากๆ ด้วย

...

มันอาจจะมีบางคราว ที่เรายืนอยู่ตรงกลางระหว่างสองฝ่าย ที่ต่างก็มีเหตุผลที่น่าเห็นใจ ทำให้ไม่อาจก้าวถอยออกจากจุดยืนของตัวเองได้

เพื่อให้งานเดินไปข้างหน้าได้...เราจึงอาจต้องหาทางออกให้กับทั้งสองฝ่าย ได้ลงด้วยความสง่างาม

เมื่อต่างฝ่ายต่างถอยโดยไม่สูญเสียจุดยืน...ปัญหาก็เลยคลี่คลาย ทำให้เดินต่อไปได้ โดยที่บัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่น

...

บ่อยครั้งที่บทนี้ มักจะรับบทโดยเจ้านายใหญ่...เพราะเมื่อเป็นคำสั่งก็เป็นเหตุผลที่มีน้ำหนักมากพอที่จะทำให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด มีทางลง

แต่มากหน ที่กลายเป็นเจ้านายใหญ่กับเจ้านายรอง มีความไม่เข้าใจกันเอง...และให้บังเอิญที่เราอาจจะกลายเป็นผู้รับบทเคลียร์ปัญหา

แก้ปัญหาด้วยอำนาจหน้าที่ คือการใช้กำลังรบ

ส่วนการแก้ปัญหาด้วยการหาทางลงให้ทุกฝ่าย ก็คือการใช้กุศโลบายทำให้ไม่ต้องรบ

...ทำให้ชนะได้โดยไม่ต้องเสียเลือดเนื้อ...ไม่เรียกว่าอัศวินขี่ม้าขาวก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรแล้วครับ...

#NoteToSelf: 

  • รู้เขารู้เรา ก็แต่รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง...หากแต่เข้าใจเขาเข้าใจเรา ไม่ต้องรบ ก็ชนะทุกครั้ง
  • บางครั้ง ความขัดแย้งที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องจุดยืนของหน่วยงาน ไม่ใช่บุคคล...ดังนั้น การหาทางลงให้แต่ละฝ่าย ก็ถือเป็นศาสตร์แห่งการบริหารงาน เช่นกัน
  • การสลายข้อขัดแย้งโดยไม่ต้องให้ฝ่ายใดต้องออกแรงรบ...ถือเป็นกลยุทธ์การรบที่เยี่ยมยอดที่สุด
  • บางที กระบี่ที่ทรงอานุภาพที่สุด ก็อาจมิใช่กระบี่ที่คมที่สุด...หากแต่เป็นกระบี่ที่อยู่ในฝักของผู้มีคมกระบี่ที่สายตา

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...