Skip to main content

Post#5-051: กบในกะลา

Post#5-051:
หลายครั้งหลายหน ที่เราคิดว่าเราทำหน้าที่ของเราได้ดีแล้ว เยี่ยมแล้ว...แต่ก็ไม่วายที่จะโดนเจ้านายติโน่น บ่นนี่ ให้เสียกำลังใจอยู่บ่อยๆ

อืมม...ถ้ามองจากมุมของลูกน้อง มันก็น่าเห็นใจอยู่นะครับ

แต่ใครที่เป็นเจ้านายที่เติบโตมาจากระดับปฏิบัติการ...ก็คงกำลังอมยิ้มน้อยๆ เพราะเหมือนมองเห็นตัวเองในอดีต อยู่แน่ๆ

...

สาเหตุนั้นเป็นเพราะกะลาที่ครอบตัวเราอยู่นั้น ยังใหญ่ไม่เท่าของเจ้านาย...ก็แค่นั้นเอง

เปล่าครับ...ผมไม่ได้ดูถูกว่า ลูกน้องทุกคน เป็นกบในกะลา”...หากแต่จะฟันธงว่า คนทำงานทุกคนล้วนเป็นกบในกะลาทั้งสิ้นนั่นแหละ

ผิดก็เพียงแต่ว่า กะลาที่ครอบตัวเราอยู่นั้น ต่างคนต่างมีขนาดเล็กใหญ่ต่างกัน...สุดแต่ใครจะขวนขวายหากะลาใบที่ใหญ่ขึ้นได้เร็วกว่ากัน เท่านั้นเอง

...

บางเรื่องบางอย่างที่เราคิดว่า เราทำดีแล้ว เยี่ยมแล้ว...เป็นเพราะเราเปรียบเทียบสิ่งที่เราทำกับขนาดกะลาที่เรามี เท่านั้น

แต่เมื่อเอากะลาของเราไปเทียบกับกะลาของเจ้านาย...มันก็อาจจะเหมือนเราพยายามจะเทียบขนาดของโลกกับดวงอาทิตย์ ซึ่งไม่มีวันจะชนะ

ในขณะที่เราคิดว่า กะลาของนายช่างใหญ่เหลือเกิน...แต่ขนาดดวงอาทิตย์ก็ยังถือเป็นดาวเคราะห์ขนาดเล็กสำหรับเอกภพอันเป็นอนันต์ หรือมิใช่?

...

ดังนั้น การที่เราคิดว่า เราทำดีที่สุดแล้ว จึงไม่ได้เป็นข้อบ่งชี้ว่า เราดีพอ...เพราะการใหญ่คับกะลาเล็กๆ ก็ไม่ได้หมายความว่า เราใหญ่พอที่จะเป็นที่สังเกตของผู้คน

นี่เอง เราจึงต้องหมั่นเปลี่ยนกะลาครอบให้เหมือนกับปูเสฉวนที่หากระดองใหม่...เพื่อให้เราคิดได้กว้างขึ้น ใหญ่ขึ้น และดีขึ้น

เตือนตัวเองไว้ครับ...ว่าอย่าได้ภูมิใจที่เราใหญ่คับกะลามานานหลายปี...เพราะคนอื่นเค้าอาจจะเปลี่ยนกะลาไปขนาดที่ใหญ่ขึ้นไปหลายครั้งแล้ว

...เจ๋งสุด เราก็จะกลายเป็นกบนอกกะลาที่มีท้องฟ้าเป็นหลังคา...และเมื่อนั้นท้องฟ้าก็จะกลายเป็นขีดจำกัดที่ไร้ขอบของเรา...

#NoteToSelf: 

  • จงจำไว้ ว่ากะลาที่เล็กที่สุด ก็คือกะลาของความอวดดีว่าเรารู้แล้ว
  • และจงจำไว้ ว่ากบนอกกะลาต่างจากกบนอกตำรานะ...แบบแรก คือการรู้ว่า การเรียนรู้ไม่มีวันสิ้นสุด ส่วนแบบหลัง คือการไม่รู้ว่าความโง่ก็ไม่มีวันสิ้นสุด
  • เมื่อใดที่รู้ว่า มีโลกที่กว้างใหญ่นอกกะลา...เมื่อนั้นกะลาใดๆ ก็ไม่อาจจะครอบเราได้อีกต่อไป

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...