Post#2-303:
บ่ายวันนี้ ผมและทีมงานโดนพายุลูกใหญ่พัดกระหน่ำ
นอกจากพายุฝนที่ซัดสาดอย่างไม่ลืมหูลืมตาแล้ว...ก็ยังมีพายุความเครียดที่เกิดจากยอดขายที่ย่ำแย่อีกด้วย
เราเครียดกันมากขนาดนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเจ้าของธุรกิจจะเครียดมากมายขนาดไหน...ไหนจะต้องแบกรับค่าใช้จ่าย ไหนจะต้องแบกรับแรงบีบคั้นจากกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียอีกหลายภาคส่วน
...
ใครไม่เคยเป็นเจ้าของกิจการย่อมไม่มีวันเข้าใจ...ว่าบางครั้งการต้องยอมอดเพื่อให้ลูกน้องอิ่มนั้นเป็นยังไง?
ผมยืนยันว่าผมไม่ได้เข้าข้างเจ้าของกิจการเลย เพราะตัวผมเองก็ถือเป็นลูกจ้างคนหนึ่ง...เพียงแต่ก็แอบเป็นเจ้าของกิจการเล็กๆ ด้วย จึงทำให้เข้าใจหัวอกของเจ้าของและลูกจ้างได้เป็นอย่างดี
ดังนั้น การเป็นคนที่อยู่ตรงกลางระหว่างเจ้าของและลูกจ้าง จึงถือเป็นความท้าทายขั้นสูงของเหล่าผู้บริหารมืออาชีพเป็นอย่างยิ่ง
ทำยังไงจึงจะให้เจ้าของเข้าใจข้อจำกัดของการเป็นลูกจ้าง และในขณะเดียวกันก็ต้องทำให้ลูกจ้างเข้าใจหัวอกของเจ้าของ?
...
ว่ากันตามจริงทั้งเจ้าของและลูกจ้างก็คือหุ้นส่วนทางธุรกิจกันโดยแท้ ขาดฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไป ก็ยากนักที่ธุรกิจจะเดินหน้าต่อไปได้
แม้จะต่างกันตรงที่เจ้าของ "ลงเงิน" และลูกจ้าง "ลงแรง" แต่ก็เหมือนกันตรงที่ทั้งสองฝ่ายต้อง "ลงใจ" ร่วมกัน
ลูกจ้างไม่ออกแรงพายเรือ ไหนเลยเรือจะแล่นไปข้างหน้าได้ เช่นเดียวกับเจ้าของไม่ลงทุนดูแลเรือและจ่ายค่าเสบียง ไหนเลยลูกเรือจะมีกำลังไปต่อ และหากเจ้าของจะไปซ้าย แต่ลูกเรือจะไปขวา ย่อมทำให้เรือเคลื่อนเป็นวงกลม ไม่ไปไหนซะที
ลงเงิน ลงแรง และลงใจ จึงต้องสัมพันธ์กันฉะนี้...
ทั้งเจ้าของและลูกจ้างจึงต้องรักและช่วยเหลือกันให้มากๆ นะครับ...ยามนี้พายุซัดสาด ย่อมยากที่จะฝ่าฟัน
ส่วนคำตอบที่ว่า จะนำพาเรือฝ่ามรสุมได้สำเร็จไปพบสายรุ้ง หรือไม่สำเร็จต้องอับปางลงก่อนนั้น...
ทั้งสองฝ่ายนั่นแหละครับ...ที่ต้องช่วยกันตอบ ^^
Comments
Post a Comment