Skip to main content

Post#2-314: คนเก่ง / คนดี / คนสวย

Post#2-314:
เย็นวันนี้ผมมีประชุมถึง 4 ประชุมรวด ภายในเวลา 2 ชั่วโมงครึ่ง ^^

จะว่าไปเรียกว่าประชุมจะดูเคร่งครึมไปนิด จริงๆ เรียกว่าเป็นการมาพบปะพูดคุยกับทั้งเพื่อนรุ่นพี่และเพื่อนรุ่นน้องเกี่ยวกับหลายๆ งานที่ทำอยู่และกำลังจะเกิดขึ้น

เวลาจะหาคนมาช่วยงาน หลายคนมักจะอยากได้คนเก่งมากๆ มาร่วมงาน แต่ผมให้ความสำคัญกับเรื่องความเก่งที่ 40% เท่านั้น เพราะที่เหลือผมเทคะแนนให้กับความไว้ใจ

...

อย่างที่เคยเล่าไว้หลายครั้ง ว่าการหาเพื่อนร่วมงานนั้น เราควรเน้นในเรื่องความเป็นคนดี หรือความเป็นคนที่เราควรต้องวางใจได้ ส่วนความเก่งนั้น เราไม่จำเป็นต้องหาคนที่เก่งที่สุดเสมอไป

ถามว่าทำไม?

ก็ตอบได้ว่า ก็เพราะความดีเป็นเรื่องของใจ เป็นเรื่องของสำนึก เป็นเรื่องเฉพาะบุคคล สั่งสอนได้ยาก ขัดเกลาได้ยาก

ส่วนเรื่องความเก่งเป็นเรื่องของการฝึกหัด การทำซ้ำๆ เน้นให้เกิดการปฏิบัติจริง เรียกว่าเป็นเรื่องที่เรียนรู้กันได้ ประมาณนั้น

ดังนั้น เราจึงต้องเน้นหาคนดี เพราะคนดีฝึกให้เก่งได้ง่าย แต่ถ้าเน้นหาคนเก่ง แล้วได้คนที่เก่งด้วยดีด้วย ก็นับเป็นโชค แต่ถ้าได้คนเก่งที่ไม่ดี เราก็ไม่อาจเปลี่ยนให้คนไม่ดีกลายเป็นดีได้ง่ายนัก

...

บางคนคงเคยได้ยินมาบ้างว่า ถ้าจะรับพนักงาน ให้เลือกคนสวย เพราะคนสวยสอนให้เก่งได้ แต่คนเก่งสอนให้สวยไม่ได้...ผมคิดว่า รับคนเก่งแล้วให้งบสนับสนุนให้เธอสวยยันฮีก็ได้มั๊งครับ ^^

ความดีไม่เหมือนความสวย เพราะความสวยเราสามารถเนรมิตได้ แต่ความดีไม่มีขาย อยากได้ต้องทำเอง...ใช้คนจึงต้องเลือกคนที่ดี ที่เราไว้ใจได้เป็นสำคัญ

ขอบคุณน้องๆ ทั้งหลายที่เป็นคนดีรอบๆ ตัวพี่ ทุกๆ คนนะครับ

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...