Skip to main content

Post#2-317: ฝันให้ชัดแล้วก็ลงมือทำ

Post#2-317:
ไม่รู้ผมรู้สึกไปเองรึเปล่า ว่าช่วงนี้มีแต่คนอยากเปลี่ยนงานที่ทำอยู่

ต่างคนก็ต่างมีเหตุผลของตัวเอง ซึ่งเราคงไปลงความเห็นอะไรไม่ได้ ถึงแม้ว่าสำหรับเราแล้ว เหตุผลนั้นจะฟังไม่ค่อยเข้าทีก็ตาม

หลายคนที่มาปรึกษาผม ส่วนมากก็อยากเปลี่ยนงาน ซึ่งผมแชร์มุมมองไปแล้วใน Post ก่อนๆ แต่มาระยะหลังๆ นี้ เริ่มมีคำถามเกี่ยวกับการเป็นเจ้าของธุรกิจเล็กๆ มากขึ้น

...

จะว่าไปแล้ว ความฝันหนึ่งที่มนุษย์เงินเดือนกลุ่มใหญ่มักจะมี ก็คือการได้เป็นเจ้าของกิจการนี่แหละครับ ซึ่งผมชอบคุยกับคนที่มีความฝันเหล่านี้ เพราะอยากรู้ว่าเค้ามีวิธีแปลงความฝันให้เป็นจริงได้ยังไง

หากแต่หลายๆ คนที่มาปรึกษาผม ยังนึกไม่ออกว่าจะเริ่มต้นยังไงดี หรืออยากรู้ว่าความเสี่ยงของการออกมาทำอะไรเองนั้นน่ะ มีเรื่องอะไรบ้าง ซึ่งผมก็แชร์มุมมองและประสบการณ์ที่ผมมีให้ฟังโดยไม่หวงวิชา

แต่คำถามที่ผมฟังทีไร แล้วต้องแอบค้อนคนถามก็คือ "ผม/หนู อยากเป็นเจ้าของกิจการ ครับ/ค่ะ แต่ยังนึกไม่ออกว่าจะทำอะไรดี"

...

ถ้าแค่ฝันถึงเป้าหมาย ยังฝันให้ชัดเจนไม่ได้ ยังมองภาพปลายทางแห่งความฝันไม่ออกเลย ว่าที่เส้นชัยนั้น เราอยากเป็นอะไร แล้วคิดหรือว่า เราจะนึกภาพเส้นทางที่จะใช้เดินไปถึงฝั่งฝันถูก?

ดังนั้นเวลาใครมาถามแบบนี้ ผมมักจะให้ไปถามตัวเองให้แน่ๆ ก่อน ว่าอยากทำอะไรแน่ ถ้ามาเที่ยวถามคนอื่นว่า ตัวเองต้องทำธุรกิจอะไร ก็แปลว่า ล้มเหลวตั้งแต่ที่ยังมีฝันไม่ชัดเจนแล้วล่ะครับ

ส่วนคนที่ฝันชัดเจนแล้ว ก็ต้องลงมือวางแผนให้เห็น roadmap ให้ชัดซะก่อน จากนั้นก็แค่ "ลงมือทำ" เพราะถ้าไม่ลงมือทำ แผนดีแค่ไหนก็ไม่เกิด ฝันเลิศหรูยังไงก็เป็นแค่ฝัน

...

ฝรั่งมีวาทะสอนใจเกี่ยวกับการลงมือทำไว้อย่างนี้ครับ...

"Cowards never start,
the Weak never finish,
the Winners never quit."

"คนขลาดไม่เคยกล้าเริ่ม,
คนอ่อนแอไม่เคยทำจนจบ,
ส่วนผู้ชนะไม่เคยยอมแพ้"

เลือกเอาเองตามใจชอบเลยครับ...ว่าจะเป็นคนไหน

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...