Post#2-313:
ค่ำคืนนี้ผมพบตัวเองอยู่ท่ามกลางเพื่อนร่วมงานในร้านอาหารแห่งหนึ่ง
เป็นการมานั่ง chill chill กินลม พูดคุยสังสรรค์ เพื่อหย่อนอารมณ์ที่เขม็งเกลียวมาแบบต่อเนื่องกว่าหลายเดือนที่ผ่านมา
การได้ร่วมกับใครในการช่วยกันฟันฝ่าและก้าวพ้นความทุกข์ร่วมกันมา จะทำให้คนกลุ่มนั้นมีความผูกพันบางอย่างร่วมกันได้มากเป็นอย่างยิ่ง...อย่างที่เราเรียกว่า "มีทุกข์ร่วมต้าน" นั่นแหละครับ
...
เมื่อใดที่ได้ "มีทุกข์ร่วมต้าน" ก็จะทำให้เวลา "มีสุขร่วมเสพ" นั้น มีค่ามากขึ้นนับเท่าทวี...เหมือนกับเวลาที่กระหายน้ำมากๆ หรือหิวข้าวมากๆ แล้วได้ดื่มน้ำเต็มที่ ได้ทานอาหารจนเต็มท้อง ประมาณนั้น
มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งสอนผมไว้ว่า เวลามีทุกข์หนักๆ มารุมเร้า ก็ต้องนึกถึงเวลาที่จะได้พบเจอสุข ทำงานหนักๆ แล้วท้อ ก็ให้นึกถึงตอนที่จะได้ปาร์ตี้สรวลเสเฮฮา
ความจริงมันก็เป็น Defense Mechanism แบบหนึ่งที่เรียบง่ายและได้ผล แต่เรามักเอาใจไปจับแต่ความทุกข์ที่อยู่ตรงหน้า จนโลกทัศน์ของเราแคบลงเรื่อยๆ จนขาดสมรรถภาพที่จะเห็นไปถึงความสุขที่อยู่ปลายทาง
...
จริงอยู่ที่ทางพระท่านก็ว่าไว้ ว่าให้มีชีวิตอยู่กับปัจจุบันขณะ แต่นั่นหมายถึงคนๆ นั้น จะต้องรู้ละวางได้อย่างรวดเร็วพอ...เมื่อทุกข์ก็ละ เมื่อสุขก็รู้
หาไม่แล้ว ก็จะกลายเป็นติดสุข เมื่อสุขผ่านไปก็จะทุกข์หนัก, ไม่ก็กลายเป็นพวกจมจ่อมกับความทุกข์ จมอยู่ในหลุมความทุกข์จนปีนกลับขึ้นมาไม่ได้
มนุษย์นี้...ยุ่งจริงหนอ ยากจริงหนา
Comments
Post a Comment