Skip to main content

Post#2-309: ของขวัญที่เรียกคืนไม่ได้

Post#2-309:
เมื่อไม่นานมานี้ มีใครคนหนึ่งมาถามผมว่า อะไรเป็นของขวัญที่มีค่ามากที่สุด?

ผมนึกอยู่เป็นนานสองนานก็นึกคำตอบที่ถูกใจไม่ได้ซะที ความรักหรือ? มิตรภาพหรือ? เงินทองหรือ? ชื่อเสียงหรือ?

อย่ากระนั้นเลยครับ ผมเลยอยากชวนทุกท่านคิดตามผมเล่นๆ ก่อนที่ผมจะลองแชร์คำตอบ ให้เวลา 5 นาทีนะครับ ^^

...

ก็เหมือนเคยๆ ครับที่คำตอบขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละบุคคล...ส่วนผม ชอบคำตอบต่อไปนี้ไม่น้อย เค้าตอบว่าอย่างนี้ครับ

"The best gift you could ever give someone is your time...because you're giving them something that you'll never get back."

แปลว่า "ของขวัญที่ดีที่สุดเท่าที่คุณจะมอบให้คนอื่นๆ ก็คือ เวลา...เพราะคุณกำลังมอบให้กับผู้อื่นในสิ่งที่คุณไม่มีวันจะเรียกร้องมันกลับมาได้"

...

จริงสินะ ไม่ว่าจะยากดีมีจน คนเราต่างก็มีเวลาเท่าๆ กันในแต่ละวัน มันจะผ่านไปอย่างมีค่าหรือเปล่าดาย ก็ขึ้นอยู่กับเราที่จะบริหารหรือจัดสรรมันอย่างไร

คิดมาถึงตรงนี้ ผมก็ออกจะเห็นด้วยกับคำตอบข้างต้นไม่น้อย...การให้เวลากับใครสักคน จึงเสมือนเป็นการตัดสินแล้วว่าคนๆ นั้นหรือสิ่งๆ นั้น มีค่าเพียงพอที่จะแลกด้วยสิ่งที่เรียกคืนไม่ได้

ให้เวลากับงาน...ก็แปลว่าเห็นงานมีค่า เฉกเช่นกับการให้เวลากับใคร...ก็แปลว่าเห็นเค้ามีค่า...

แต่เมื่อวันๆ หนึ่งมีเวลาจำกัด บางครั้งเราจึงจำเป็นต้องจัดสรรมันด้วยความยากลำบาก ดังนั้นแค่ปริมาณของเวลาเพียงอย่างเดียว จึงไม่อาจนำมาเป็นทั้งหมดของการจะประเมินว่าใครหรือสิ่งไหนมีค่ากว่าสิ่งไหนหรือคนไหน...

หากแต่ต้องประเมินด้วยว่า...ณ ขณะที่ให้เวลากับคนนั้นหรือสิ่งนั้น เราเต็มที่ด้วยคุณภาพของเวลาที่ให้ด้วยรึเปล่า?

ถ้าว่าตามสำนวนลิเกของผม ก็ต้องหยอดว่า "แม้เวลาที่ให้จะไม่ใช่ทั้งหมดที่มี...แต่เท่าที่เวลาจะพอมีก็ไม่เคยจะไม่แบ่งเวลาให้"

Cr: searchquotes.com

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...