Skip to main content

Post#2-318: ปล่อยวางความผิดพลาดเล็กๆ ไปบ้าง

Post#2-318:
สืบเนื่องมาจากการประสานงานที่ผิดพลาด ทำให้วันนี้ผมมีอันต้องมานั่งทำงานอยู่ในร้านกาแฟเป็นเวลาพักใหญ่ๆ

บางครั้งความผิดพลาดที่ไม่น่าเชื่อ ก็เกิดขึ้นได้โดยที่เราไม่คาดฝันมาก่อนแบบนี้

จะโกรธไปก็ใช่ว่าจะมีอะไรดีขึ้น ว่าแล้วผมก็ปลงตก และก้มหน้าก้มตาทำงานของผมไป พร้อมจิบกาแฟร้อนๆ ไปด้วย

...

เมื่อเราปลงได้ ละความโกรธในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ลงบ้าง เราก็จะพบว่า จริงๆ แล้วในความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ก็ใช่ว่าจะทำให้ชีวิตเราแย่ไปซะทั้งหมด

ดูอย่างวันนี้ กลายเป็นว่าผมทำงานได้มากกว่าเดิม เพราะไม่อยู่ office ให้ใครเข้าพบได้เหมือนทุกๆ วัน และที่สำคัญได้เปลี่ยนบรรยากาศในการทำงาน เรียกว่า มาใช้ชีวิตทำงานแบบ "slow life" บ้าง ก็ไม่เลวทีเดียว

ว่ากันตามจริง ในแต่ละวันของชีวิตก็มีเรื่องยุ่งวุ่นวายไม่เว้นอยู่แล้ว บางเรื่องที่ช่างมันได้ก็ช่างมันไปบ้างดีกว่าครับ มัวแต่ถือโทษโกรธขึ้งทุกเรื่อง ผมว่าสุดท้ายคนที่แย่ก็คือตัวเราเอง

...

ผมไม่ได้บอกว่า เราสามารถยอมให้เกิดความผิดพลาดขึ้นได้บ่อยๆ หรือปล่อยให้ใครก็ตามทำผิดพลาดอยู่อย่างนั้นได้เรื่อยไปนะครับ

เพียงแต่เมื่อมีความผิดพลาดเกิดขึ้นแล้ว ก่อนที่เราจะโกรธจนเกินงามนั้นน่ะ พิจารณาดีแล้วใช่มั๊ยครับ ว่า สิ่งที่จะพูดออกไป หรือกำลังจะทำลงไป จะแก้ไขความผิดพลาดนั้นได้?

สำหรับคนเป็นนายแล้ว บางครั้งการยกโทษให้ลูกน้อง กลับจะทำให้เค้ากลับมาตั้งใจทำงานให้ดีขึ้นได้มากกว่าการลงโทษเค้าด้วยซ้ำไป

สำหรับลูกน้อง ต้องประเมินอย่างไม่เข้าข้างตัวเองว่า ความผิดพลาดนั้นเกิดจากอะไรแน่? เกิดเพราะเราเลินเล่อ หรือเกิดจากเหตุสุดวิสัย

หากวันนี้ เราเป็นนายที่เอาแต่คิดจะลงโทษลูกน้อง สงสัยว่าวันหน้าคงได้อยู่คนเดียวใน office ค่าที่ใครมาทำงานด้วย ก็อยู่ไม่ยืดสักคน

หากวันนี้ เราเป็นลูกน้องที่ไม่รู้จักปรับปรุงตัว สงสัยว่าวันหน้าคงได้เป็นนักวิจัยฝุ่น ไปทำงานที่ไหนก็อยู่ได้ไม่นาน เพราะถนัดสร้างแต่ความผิดพลาด

ปล่อยวางความผิดพลาดได้ แต่อย่าปล่อยปละมันนะครับ ^^

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...