Post#2-311:
วันนี้ผมบินมาประชุมบอร์ดบริษัทที่ประเทศสิงคโปร์...แน่นอนว่า มาแบบไปเช้าเย็นกลับ >_<"
ลงเครื่องปุ๊บ ก็เผ่นขึ้น Taxi ปั๊บ มาถึงที่ประชุมก่อนเวลาแค่ 5 นาทีเท่านั้นเอง
ผมตื่นตั้งแต่ตี 3 เพื่อให้มาทันขึ้นเครื่องที่ดอนเมืองทันเวลา เพราะไม่อาจคาดเดาล่วงหน้าได้ว่า สถานการณ์ที่สนามบินจะเป็นยังไง?
...
ผมเชื่อว่าหลายๆ คนเป็นแบบผม และเชื่ออย่างที่ William Shakespeare เชื่อ ก็คือ "Better three hours too soon than a minute too late." แปลว่า "ไปเร็ว 3 ชั่วโมง ยังดีซะกว่าไปสาย 1 นาที"
แต่ก็มีอีกหลายคนที่ไม่ค่อยจะสนใจเรื่องความตรงต่อเวลาซะเท่าไหร่...และบางคนที่เป็นขั้นเทพ จะเป็นพวกมาตามเวลาเสมอ คือให้เวลามาก่อน แล้วค่อยตามมา -"-
ฝรั่งเองได้ชื่อเรื่องความเข้มงวดเรื่องเวลาเป็นอย่างยิ่ง...จนมีการเปรียบเปรยไว้ว่า ถ้าอยากจะทำงานให้ประสบความสำเร็จ ก็ต้อง "อ่อนน้อมเหมือนคนไทย ตรงเวลาเหมือนฝรั่ง ขยันเหมือนคนจีน และทำงานเป็นทีมแบบคนญี่ปุ่น"
...
ลองพิจารณาดูวาทะข้างต้นดูดีๆ จะพบว่า ความอ่อนน้อม, ความขยัน และการทำงานเป็นทีม ล้วนเป็น Subjective คือขึ้นอยู่กับมุมมองส่วนบุคคล แต่ละคนตีความไม่เหมือนกัน
มีเพียงเรื่องการตรงต่อเวลาเท่านั้น ที่เป็นเรื่องตายตัว วัดจากใครก็ตามก็ตอบได้ว่าคนๆ นั้นเป็นคนตรงต่อเวลาหรือไม่ (ถ้านาฬิกาไม่เกเร ^^)
ดังนั้น ไม่ว่าจะมีจุดดีอื่นๆ ครบถ้วน (ซึ่งล้วนเป็นเรื่องนานาจิตตัง) แต่มาตายเรื่องเวลา ก็อาจทำให้เรามีค่าด้อยลงเมื่อหยิบเรื่องที่วัดผลได้ชัดเจนนี้ มาพิจารณา
ทั้งนี้ ไม่ใช่ว่าเราจะไปสายไม่ได้เลย ส่งงานล่าช้าไม่ได้เลยนะครับ เพียงแต่เหตุผลที่เราไปสายหรือส่งงานล่าช้านั้นน่ะ เป็นเหตุผลที่สมเหตุสมผลและยอมรับได้ในมุมมองของคนอื่นรึเปล่า หรือแค่เราเห็นว่ามันเป็นเหตุผลที่ดีก็พอแล้ว?
หรือจะแก้ตัวด้วยเพลงพี่มอสว่า "มาช้ายังดีกว่าไม่มา" (อิอิ เก่าไปมั๊ยครับ?)
Comments
Post a Comment