Skip to main content

Post#4-303: ปรัชญาจาก 2 ค่าย

Post#4-303:
ใครที่ใช้มือถือทั้ง Apple และ Android ก็คงจะทราบดีว่า ทั้งสองค่ายนี้ ต่างก็มีระบบปฏิบัติการที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง

คำถามหนึ่ง ที่เรามักจะได้ยินอยู่เสมอ ก็คือ ระบบไหนดีกว่ากัน กันแน่?

คำตอบก็ขึ้นอยู่กับว่า เราเป็นสาวกค่ายไหนนั่นเอง...ใครเป็นสาวก Apple ก็บอกว่า Apple ดีกว่า และแน่นอนว่าใครเป็นสาวก Android ก็ย่อมบอกว่า Android ดีกว่า

...

ด้วยงานที่ผมรับผิดชอบ ผมจึงต้องใช้งานทั้ง 2 ค่ายไปพร้อมๆ กัน...และถ้าถามผมว่า ระบบไหนดีกว่า ผมเองก็ไม่อาจฟันธงให้ได้

ก็เพราะ Apple ใช้ระบบปิด ในขณะที่ Android ใช้ระบบเปิด...และต่างก็มีข้อดีและข้อด้อยของแต่ละระบบไปคนละแบบ

ระบบปิด ทำให้ Apple ควบคุมปัจจัยต่างๆ ได้ง่ายกว่า ส่งผลให้ iOS ของ Apple มีความเสถียรมากกว่า (ซึ่งอาจจะเป็นความรู้สึกของผมคนเดียวนะครับ)

ส่วนระบบเปิด ทำให้ Android มีพัฒนาการที่รวดเร็ว เผลอแป๊บเดียว ก็ทำให้แซงหน้า Apple ไปแล้วหลายก้าว ในแง่ของ function ของระบบ

ถ้าถามถึงจำนวนผู้ใช้งาน Android ก็ชนะ ไปหลายเท่า...แต่ถ้าลองมองว่า Apple ต้องแข่งกับหลายร้อย Brand, ก็ต้องยอมรับว่า Apple ก็ "แน่" จริงๆ

...

ทั้ง 2 ค่าย ต่างก็มีข้อดีและด้อยกันไปคนละแบบ ชนิดที่จะเรียกว่า "สูสี" ก็คงไม่ผิด...แปลว่า ก็น่าจะยังตัดสินไม่ได้ ว่าวิถีแบบ "ปิด" หรือ "เปิด" จะดีกว่ากัน

อืมม...ลองหันมาเปรียบเทียบกับชีวิตเราบ้าง ก็ไม่เลวนะครับ

เราอยากจะเลือก "ปรัชญาชีวิต" แบบไหน มาประยุกต์ใช้กับชีวิตดีหนอ?

จะเลือกวิถีแบบ "ปิด"...อันมุ่งไปยังการเป็นสุดยอดด้วยปัจเจกแห่งตัวเราเอง

หรือจะเลือกวิถีแบบ "เปิด"...ซึ่งมุ่งไปที่การเป็นสุดยอดด้วยการต่อยอดจากคนรอบข้าง

เอาจริงๆ ผมเองก็ไม่ทราบว่า ใครเหมาะกับวิถีแบบใด?

แต่ถ้าผมต้องเป็นคนเลือก...ผมก็จะเลือกส่วนประสมของการ "ปิด" กับบางเรื่อง และ "เปิด" กับบางคน

...

นี่อาจจะเป็นสัจธรรมของชีวิตที่มนุษย์เราต่างก็ต้องเผชิญ ก็เป็นได้

หมายความว่า เราไม่จำเป็นต้องยึดติดกับปรัชญาใดปรัชญาหนึ่งแบบ "ตายตัว"...

หากแต่ควรยืดหยุ่นไปตามสถานการณ์และภาวะแวดล้อมในแต่ละช่วงเวลา

เพียงแค่ต้องให้แน่ใจว่า ไม่ว่าจะเป็นการพลิกแพลงตัวเองด้วยปรัชญาแบบใดก็ตาม...

...มันจะต้องพาเราไปสู่ "เป้าหมาย" ของชีวิตได้ โดยไม่ทำให้เรารวนเรและหลงทาง...

#NoteToSelf: 

  • บางเรื่อง เราจำต้องตกผลึกด้วยตัวเองให้แน่ชัด และบางเรื่อง ที่เราอาจต้องศึกษาและต่อยอดจากคนอื่นๆ
  • เมื่อเจอทางตันของชีวิต...เราก็ต้องรู้จักพลิกแพลงและปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ หรือแม้กระทั่ง อาจต้องเปลี่ยนแนวความคิด เพื่อให้ชีวิตมีหนทางไปต่อได้
  • อย่าเปลี่ยนเป้าหมายบ่อยๆ หากไม่ถึงขีดสุด เพราะมันจะทำให้เราต้องเริ่ม "นับหนึ่ง" ใหม่อยู่เสมอ...หมายความว่า เราก็ไปไม่ถึง "เส้นชัย" เสียที

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...