Skip to main content

Post#4-308: เรื่องไม่ง่ายของนายกับลูกน้อง

Post#4-308:
เที่ยงนี้ เป็นโอกาสดีที่ผมได้ทานข้าวพร้อมกับน้องๆ ทีมงานกลุ่มใหญ่...ซึ่งไม่ค่อยได้มี moment แบบนี้บ่อยๆ เพราะตารางงานมันยุ่งเสียเหลือเกิน

ต้องบอกว่า ผม enjoy ทุกครั้งกับ moment แบบนี้...และก็ทำให้ผมทานได้มากกว่าทานคนเดียวใน office

การได้ทานไปด้วย กระเซ้าเย้าแหย่น้องๆ ไปด้วย พร้อมกับคุยเรื่องสัพเพเหระทึ่ไม่เกี่ยวกับเรื่องงาน...สำหรับผมแล้ว ถือเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับการเชื่อมสัมพันธ์กับน้องๆ

...

ใครที่มีลูกน้องหรือต้องบริหารทีม จะรู้ดีว่า เราและทีมงาน จะไม่อาจ "เข้าถึง" กันและกันได้ หากมีเพียงปฏิสัมพันธ์เรื่องงานเพียงด้านเดียว

การหยั่งซึ้งถึงวิธีคิดและวิถีชีวิตของทีมงาน จะทำให้เราสามารถปฏิบัติต่อน้องๆ ในฐานะ "บุคคล" ได้ดีกว่าเดิม

เมื่อทีมงานหรือน้องๆ ไม่ได้มีสถานะเป็น "เบี้ย" บนกระดานหมากรุก...คนเป็น "นาย" จึงไม่อาจมองพวกเค้าเป็นแค่ "วัตถุ"

ดังนั้น จึงต้องให้ความสำคัญในเรื่องความสมดุลย์ระหว่างปฏิสัมพันธ์เรื่องงาน กับปฏิสัมพันธ์ในระดับ "บุคคล" กับ "บุคคล" ด้วย เช่นกัน

...

แต่ในขณะที่เจ้านายหรือพี่ๆ ให้ความสนิทสนมในระดับ "บุคคล"...ทีมงานหรือน้องๆ เอง ก็ต้องรู้จักแยกแยะด้วย

ไม่ใช่ไป "ตีสนิท" หรือ "ลามปาม" จนเกินงาม...ทำให้นายหรือพี่ๆ ต้องรู้สึกอึดอัด และวางหน้าไม่ถูก เวลาที่อยู่ในวงของน้องๆ

บ่อยครั้ง ที่น้องๆ หรือทีมงาน ยังมีวุฒิภาวะทางความคิดและอารมณ์ ไม่มากพอ...จนเผลอ "ล้ำเส้น" ของกาละเทศะ อยู่บ่อยๆ

เรื่องบางเรื่อง ในฐานะพี่ ก็คงไม่เป็นไร แต่บางครั้งในฐานะนาย ก็อาจจะปล่อยผ่านไม่ได้ เพราะกระทบกับการปกครอง

...รักน้องก็ต้องหมั่น "ดูแล" และถ้ารักนายก็ต้องรู้จัก "แยกแยะ" นะครับ...

#NoteToSelf: 

  • ปกครองคน ต้องรู้จักใช้ทั้ง "พระเดช" และ "พระคุณ"
  • รับใช้คน ต้องรู้จัก "แยกแยะ" และ "เกรงใจ"
  • Role Conflict เกิดขึ้นได้บ่อยๆ กับทุกๆ เรื่อง ในทุกๆ วัน ดังนั้น ก่อนจะโกรธน้อง หรือก่อนจะเคืองนาย...ลองมองในมุมของอีกฝ่ายดูให้ดีๆ ก่อน

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...