Post#4-317:
ผมจบมื้อค่ำที่ผ่านมา ด้วย Business Dinner อันเกือบจะเรียกได้ว่า เป็น "กิจวัตรประจำสัปดาห์" สำหรับผม ไปเสียแล้ว
แม้ว่าการได้ทานมื้อค่ำกับลูกสาวจะเป็นความคาดหวังที่ผมอยากจะทำให้ได้ทุกวัน...แต่ผมก็รู้ดีว่า Business Dinner ก็เป็นอะไรที่สำคัญกับผมมากเช่นกัน
และว่ากันตามตรง ผมมักจะได้ idea ใหม่ๆ และมุมมองดีๆ จาก Business Dinner อยู่เสมอเลย ก็ว่าได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...เมื่อเป็น Business Dinner กับคนใหม่ๆ ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน หรือทำธุรกิจใน field ที่ผมไม่เคยทำมาก่อน...นี่ถือเป็น Business Dinner ที่ผมไม่อยากจะพลาดเลยทีเดียวครับ
...
ที่ผมแชร์ให้ฟัง ก็อยากให้นี่เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของ การกำหนดมุมมองในการทำงาน
เพราะผู้คนจำนวนไม่น้อยเลย ที่มักจะโอดครวญหรือไม่ happy...เมื่อต้องถูกความจำเป็นในงาน มาแย่งเอาเวลาส่วนตัวไป
ถ้าไปร่วม Business Dinner ด้วยทัศนคติที่เป็นลบ...นอกจากเป้าหมายของ Business Dinner จะไม่บรรลุแล้ว ยังเรียกคืนเวลาส่วนตัวที่เสียไปไม่ได้อีกด้วย
แบบนี้...จึงเหมือนกับว่า เรา "แพ้ 2 ต่อ" ไปโดยปริยาย
...
เมื่อความจำเป็นบังคับให้เราต้องเจอกับสถานการณ์ที่แย่งเวลาส่วนตัวไปแบบนี้...เราจึงต้องมองมันอย่างเข้าใจและยอมรับ
ทั้งนี้ ก็เพื่อเตือนสติตัวเองไม่ให้ "แพ้ 2 ต่อ"...คือเมื่อต้องสละเวลาส่วนตัวเพื่องานแล้ว ก็ควรทำให้เวลาที่สละไป แปลงเป็นผลลัพธ์ที่คุ้มค่าให้ได้
แม้ว่าบางครั้ง เราอาจจะไม่ได้ผลลัพธ์ทางธุรกิจที่สวยงามตามที่คาดหวัง...แต่ถ้าเข้าใจมุมมองที่ผมว่า ก็น่าจะรับรองได้ว่า อารมณ์ของเราจะไม่ขุ่นมัว
ไม่ว่าผลการหารือนะหว่างมื้ออาหารจะเป็นเช่นไร...แต่เราจะได้เรียนรู้อะไรบางอย่างเพิ่มขึ้นแน่ๆ หากว่าเราไม่ปิดใจ, ปิดหู และกีดกั้นสมอง ด้วยความไม่พอใจที่โดนแย่งเวลาไป
...ดังนั้น เราจึงไม่ควรปล่อยให้การสละเวลาส่วนตัวของเรา กลายเป็นความสูญเปล่า...เพื่อที่ว่า อย่างน้อยที่สุด เราก็จะไม่ "แพ้ 2 ต่อ" ยังไงล่ะครับ...
#NoteToSelf:
- ถ้าเข้าใจความหมายของการ "สละเวลา" อย่างแท้จริง...ก็จะเข้าใจถึงเหตุผลที่ว่า ทำไมเราจึงไม่ควร "แพ้ 2 ต่อ"
- ผมยืนยัน ว่า "วิธีคิด" เป็นตัวกำหนด "มุมมอง" ใดๆ ที่เรามีต่อชีวิตของเรา โดยแท้
- "เสียเวลา" หรือ "แย่งเวลา" หรือ "ใช้เวลา"...ก็แล้วแต่เราจะเลือกมองแง่มุมไหน?
Comments
Post a Comment