Skip to main content

Post#4-309: ความยุติธรรมในมุมของใคร?

Post#4-309:
ปัญหาโลกแตกเรื่องหนึ่ง ที่มนุษย์เราถกเถียงกันมานับพันๆ ปีแล้ว ก็คือ เรื่อง "ความยุติธรรม"

ถ้าเราได้เปรียบ เราก็จะรู้สึก ok, แต่เมื่อไหร่ก็ตาม ที่เรารู้สึกเสียเปรียบ เราก็มักจะถามหาเรื่อง "ความยุติธรรม" อยู่ร่ำไป

ตราบเท่าที่ "ความยุติธรรม" เป็นเรื่องที่เกี่ยวพันอยู่กับความรู้สึก...มันก็ไม่มีวันที่จะวัดได้ชัดเจน ว่าแบบไหนคือ "ความยุติธรรม" ที่ทุกคนยอมรับได้

...

ลองมานั่งคิดดูดีๆ...ผมว่า หลายๆ คน ยังคงเข้าใจคลาดเคลื่อนว่า "ความยุติธรรม" เป็นอย่างเดียวกันกับ "การแบ่งคนละครึ่ง"

แท้จริงแล้ว "ความยุติธรรม" อาจจะแปลว่า แบ่งคนละครึ่ง ก็ได้ หรือฝ่ายหนึ่งได้มากกว่าอีกฝ่ายหนึ่ง ก็ได้ หรือฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดได้ไปทั้งหมด ก็ได้ หรือไม่มีใครควรได้อะไรไปเลย ก็ได้อีกเช่นกัน

สรุปง่ายๆ ว่า ความยุติธรรมไม่ใช่การตัดสินตาม "ความถูกใจ" แต่เป็นการตัดสินตาม "ความถูกต้อง"

และ "ความถูกต้อง" ที่ว่า ก็อาจจะถูกใจทุกฝ่าย, ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถูกใจ หรือไม่ถูกใจฝ่ายไหนเลย ก็ได้ทั้งสิ้น

...

ในเมื่อ "ความยุติธรรม" มีแนวโน้มไปในทางที่เป็น "ความรู้สึก" มากกว่า "เหตุผล"...มันจึงเป็นเรื่อง "เสียแรงเปล่า" กับการไปชี้แจงให้คนอื่นเข้าใจในมุมมองของเรา

หนึ่งในวิธีที่จะลดความรู้สึก "ไม่ยุติธรรม" ลงได้บ้าง จึงต้องหัดมองเฉพาะส่วนที่เราได้ ไม่ใช่ส่วนที่คนอื่นได้

ตกลงกันเสียให้ดีก่อนจะลงมือ จะได้ไม่มาทะเลาะกันเรื่อง "ยุติธรรม" หรือไม่ และจงเทียบสิ่งที่เราได้กับสิ่งที่เราลงทุนลงแรง

ถ้าคิดว่า "ไม่คุ้ม"...คราวหน้า อย่าทำงานแบบเดิม และอย่าร่วมงานกับคนเดิม...ส่วนจะทะเลาะกับอีกฝ่ายเพื่อ "ความยุติธรรม" ในมุมของเราอีกมั๊ย...ก็แล้วแต่ครับ

...ย้ำอีกที ว่าความยุติธรรม ไม่ใช่การแบ่งเท่ากัน และจงเทียบผลที่ได้กับสิ่งที่เราลงทุนลงแรง อย่าไปเทียบคนอื่นอยู่เลยครับ...

#NoteToSelf: 

  • เถียงกันเรื่อง "ความรู้สึก" หรือ "มุมมอง"...ยังไงก็ไม่มีใครยอมใคร เพราะยืนอยู่คนละมุม
  • ก็เพราะไม่เทียบกับความพอใจของตัวเอง ก็เลยมีแต่คำถามเข้าข้างตัวเอง ว่า "ไม่ยุติธรรม" รึเปล่าหนอ?
  • ผลที่ได้ จะ "ถูกใจ" หรือไม่ เป็นเรื่องหนึ่ง...แต่ "ถูกต้อง" หรือไม่ เป็นเรื่องสำคัญกว่า

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...