Post#4-312:
ผมได้ยินมาหลายครั้งหลายหน ทั้งจากเพื่อนและคนรู้จักหลายๆ คน...ว่าใครที่ผ่านประสบการณ์เฉียดตายมาแล้ว จะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
เมื่อวานเพื่อนชาวต่างชาติของผมคนหนึ่ง ก็มาเล่าเรื่องทำนองนี้ให้ฟังอีกครั้ง...ซึ่งผมฟังไปก็อ้าปากหวอไป เพราะรู้จักกับคนที่เพื่อนผมเล่าถึงเป็นอย่างดี
ฟังจบผมก็รู้สึกยินดี ที่คนๆ หนึ่งจะพลิกชีวิตตัวเองได้ แบบ "หลังมือ" เป็น "หน้ามือ"...ซึ่งหมายความว่า ต่อจากนี้ ชีวิตของเค้าคนนั้น ก็คงจะมีแต่ดีขึ้นเรื่อยๆ
...
จำได้ว่า ผมเคยแชร์ไปหลายครั้ง ว่าหากเราไม่เปลี่ยนวิธีคิด ชีวิตของเราก็จะไม่อาจเปลี่ยนได้
หากแต่การเปลี่ยนวิธีคิด ย่อมต้องหมายถึงการต้องเปลี่ยน "ความเชื่อ" ด้วย...
แปลว่า เมื่อใดก็ตามที่สมองคิด แต่ใจยังไม่ยอมเชื่อ เราก็จะไม่สามารถปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตได้อย่างสมบูรณ์
ก็ทำนอง "สมองเข้าใจ" แต่ "หัวใจยังไม่ยอมรับ" นั่นล่ะครับ
...
ประสบการณ์เฉียดตาย...ไม่ว่าจะเป็นการเฉียดตายจากอุบัติเหตุ หรือการเจ็บป่วย ก็ตาม...
คงจะสามารถไปทำให้กระบวนการทางความเชื่อและความคิดของคนเรา เปลี่ยนแปลงไปได้แบบ "ฉับพลันทันที"
เป็นการพลิกความเชื่อและวิธีคิด แบบที่เรารู้จักกันดีในชื่อ "Paradigm Shift" นั่นเลย
...
เท่าที่ผมสังเกตและประเมินดู เมื่อคนเราผ่านประสบการณ์เฉียดตายที่ว่า ก็มักจะเปลี่ยนแปลงไปเป็น คนที่ใจเย็นขึ้น ลดละความเป็น "ตัวกู ของกู" ไปได้มากขึ้น
ผมเข้าใจว่า คงเพราะผู้ผ่านประสบการณ์เฉียดตาย คงบรรลุถึงสัจธรรมบางอย่าง...อันเป็นตัวละลาย "อัตตา" ในตัวตนของเรา ให้ลดทอนหรือเสื่อมกำลังลง
การจะละลาย "อัตตา" ได้ หมายถึงต้องเข้าใจหลักแห่ง "ไตรลักษณ์" อันประกอบด้วย อนิจจัง, ทุกขัง และอนัตตา ให้ได้ นั่นเอง
...
เอาจริงๆ ผมว่า เราไม่จำเป็นต้องรอให้ตัวเราต้องผ่านประสบการณ์เฉียดตาย แล้วจึงค่อยฉุกคิดได้
แค่เรารู้จักใช้สติกำกับใจให้บ่อยขึ้น, รู้จักละวางอารมณ์ต่างๆ ให้เร็วขึ้น...ทำเท่านี้ ก็มีส่วนช่วยให้ "อัตตา" เบาบางลงได้ เช่นกัน
ก็เพราะเราอาจไม่ได้โชคดีเหมือนคนที่แค่ "เฉียดตาย"...เราจึงต้องสอนตัวเองอยู่บ่อยๆ ว่า "อย่าไปอะไรกันนักเลย กับบางเรื่องของชีวิต"
...อย่ารอจนวิญญาณละสังขารไปแล้ว จึงค่อยสำนึกได้ว่า "อัตตา" นั่นแหละหนอ คือสิ่งขวางกั้น หนทางแห่ง "โลกุตระ"...
#NoteToSelf:
- ไม่รู้ว่าถูกมั๊ย แต่ผ่านชีวิตมากว่า 40 ปี ผมว่า "ความสุข" เกิดจากการ "วางทุกข์" ให้เป็น
- คนมีความสุขแท้ คงจะรู้ว่า ความสุขเองก็ไม่ยั่งยืน...และเมื่อเข้าถึงธรรมนี้ ความทุกข์ ก็จะไม่ยั่งยืนในใจของเรา เช่นกัน
- จงมอง "ชีวิต" อย่างเท่าทัน...สุขก็รู้ ทุกข์ก็รู้...เพราะที่สุดแล้ว ทั้งสุขและทุกข์...ก็จะผ่านเราไป
Comments
Post a Comment