Post#4-319:
เมื่อเช้านี้ เป็นครั้งแรกในรอบนับหลายๆ ปี ที่ผมยอมลากสังขารจากที่นอนอันแสนสบาย เพียงเพื่อที่จะไป Driving Range แทนที่จะไปออกรอบตามความชอบ
เอาจริงๆ ผมรู้สึกว่า การขับรถไป Driving Range เพียงเพื่อจะไปซ้อมตีลูกเพียงไม่ถึงชั่วโมง เป็นเรื่องไม่คุ้มค่าการตื่นนอนเอาเสียเลย...นั่นจึงเป็นสาเหตุหลักที่ตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา ฝีมือกอล์ฟของผมไม่เคยพัฒนาขึ้นเลย
มานั่งวิเคราะห์ดูแล้ว ยิ่งเล่นก็ยิ่งพบว่า score ในการเล่นของผม เลวลงเป็นลำดับเสียด้วยซ้ำไป
…
หลายๆ คนที่ไม่ได้เล่นกอล์ฟอาจจะสงสัย เพราะปกติยิ่งเราเล่นกีฬาบ่อยๆ เราก็น่าจะเก่งขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่หรือ?
แต่ทำไมกับกอล์ฟ...ผลงานกลับเลวลง?
นี่อาจจะเป็นกรณีที่ไม่ได้เกิดขึ้นกับนักกอล์ฟทุกคนก็เป็นได้ครับ...แต่ผมเดาเอาเองว่า มันคงมักจะเกิดขึ้นกับนักกอล์ฟที่ขี้เกียจซ้อมอย่างผม เสียมากกว่า
…
กอล์ฟเป็นกีฬาที่ต้องอาศัยทั้งเรื่องของ mindset ประกอบกับ muscle memory เป็นอย่างมาก...ขาดเรื่องใดเรื่องหนึ่งไป ยังไงก็เอาดีได้ยาก
ดังนั้น นักกอล์ฟประเภทฝีมือไม่ดีแถมยังขี้เกียจซ้อม จึงมีความเสี่ยงสูงที่จะมี Bad Habit ในการเล่น...ไม่ว่าจะเป็น Up Swing หรือ Down Swing หรือเรื่องอื่นๆ ก็ตาม
และเมื่อเกิด Bad Habit ขึ้นแล้ว กลับยังไม่ยอมแก้ไข ก็จะทำให้กล้ามเนื้อจดจำ Swing Pane หรือความผิดพลาดอื่นๆ ที่ผิดๆ ไปเรื่อยๆ...จนส่งผลให้ผลงานในการออกรอบ เลวลงเป็นลำดับ นั่นเอง
…
เหตุนี้ การเข้า Driving Range เพื่อฝึกซ้อมและแก้ไขข้อผิดพลาดในการออกรอบที่ผ่านมา จึงสำคัญเป็นอย่างยิ่ง...หากว่าต้องการให้ score ในการออกรอบดีขึ้นเรื่อยๆ
ทว่า สิบกว่าปีที่ผ่านมา ผมอาจจะหาเหตุผลมาหลอกตัวเอง ว่าผมแค่ต้องการออกรอบเพื่อความสนุก หากแต่ที่จริงแล้ว มันอาจจะเป็นเพียงเหตุผลที่นำมากลบเกลื่อนความขี้เกียจซ้อม ก็เป็นได้
เอาจริงๆ ใครที่เล่นกอล์ฟก็จะรู้ดี ว่าเมื่อเล่นกอล์ฟจน “เข้าเส้น” แล้ว...ความอยากเอาชนะตัวเองจะทวีขึ้นเรื่อยๆ และเป็นแรงผลักดันให้เราอยากไปออกรอบใหม่อีกครั้งและอีกครั้ง
…
ในชีวิตการทำงาน เราก็อาจเจอกับสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกับ นักกอล์ฟที่ขี้เกียจซ้อม เช่นที่ผมเป็น
คือ ใช้การหลอกตัวเองไปวันๆ ว่า “การที่เราทำนั่น นู่น นี่ ไม่เป็น ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย...ก็คนเรามันไม่ได้เก่งไปเสียทุกเรื่องหรอกน่า”
อืมม...ถ้ามีใครมาถามว่า วิธีคิดแบบนี้จะถูกรึเปล่า...ผมก็จะตอบว่า “ไม่ฟันธง” ก็แล้วกันครับ
แต่ถ้าถามผมใหม่ว่า วิธีคิดแบบนี้ “ไม่ถูกต้อง” ใช่มั๊ย...ผมก็จะหันไปยิ้มกว้างๆ ให้ แล้วตอบเสียงดังฟังชัดว่า “ไม่ถูกแน่ๆ”
เพราะการที่เราจะบอกตัวเองได้ว่า คนเรานั้น ไม่ได้เก่งไปเสียทุกเรื่องทุกอย่างน่ะ มันควรจะเกิดขึ้นหลังจากเราได้ทดลองทำเรื่องนั้นหรือสิ่งนั้น อย่างเต็มกำลังความสามารถ ทำทุกทางแล้ว แต่ก็ยังทำให้ดีไม่ได้...ต่างหาก
…ความขี้เกียจแบบนี้ จึงอาจจะเป็นอุทาหรณ์ให้เราระลึกได้ว่า ถ้ายังไม่ได้เข้า Driving Range เพื่อฝึกซ้อมและแก้ไข...ก็จงอย่าพึ่งด่วนสรุปว่า เราไม่มีวันจะเก่งกอล์ฟ...
#NoteToSelf:
- ทำเต็มที่แล้วยังแพ้ เป็นเรื่องที่ยอมรับได้...แต่แพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้ลงมือทำ เป็นเรื่องน่าอาย
- ถ้าเป็นงานอดิเรก ก็ขอให้มันเป็นเรื่องสนุกที่ได้ทำ แต่ถ้าเป็นงานเพื่อเลี้ยงชีพ ก็ขอให้ทำอย่างจริงจัง แต่เจือไว้ด้วยความรื่นรมย์บ้าง
- เมื่อเวลานับสิบปีผ่านไป เราอาจจะต้องมานั่งถามตัวเอง ว่ามีความสุขจริงๆ ใช่มั๊ย...กับรอยยิ้มที่ฉาบไว้แค่ฉากหน้า แต่แท้ที่จริง ใจของเรานั้น กลับขุ่นมัวมานานเหลือเกิน
- ลองแล้วเจ็บใจ ยังไงก็ดีกว่า เจ็บใจที่ไม่ได้ลอง
Comments
Post a Comment