Skip to main content

Post#260: เทคนิคการเจรจาต่อรอง

Post#260:
มี Fanpage อีกท่านหนึ่ง ขอให้ผมลองแชร์เรื่องแนวทางของการเจรจาต่อรอง ได้ครับ เมื่อขอมาก็จัดให้

ที่จริงแล้วหลักการของเรื่องนี้ ก็ไม่ต่างจากเมื่อวานซักเท่าไหร่ แต่คราวนี้น้ำหนักจะไปอยู่ที่เรากำลังต่อรองอยู่กับใคร และถือไพ่ที่เหนือกว่าอยู่รึเปล่า?

ผมอยากให้ยอมรับความจริงอยู่ข้อหนึ่ง นั่นคือ ความยุติธรรมนั้น เป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่งในการต่อรอง ซึ่งคำมันก็ชี้ชัดด้วยตัวมันเองอยู่แล้ว ว่าต้องมีคนหนึ่งเป็นต่อ และอีกคนเป็นรอง

คราวนี้ หากเราต้องการให้มันเป็นการต่อรองที่ดี ผลลัพธ์ของการต่อรองนั้นๆ ควรจะเป็นผลลัพธ์ที่ทุกฝ่ายมีส่วนได้ประโยชน์ จะมากหรือน้อยก็อีกเรื่องนะครับ แต่ถ้าผลลัพธ์ออกมาแล้วมีอยู่ฝ่ายหนึ่งที่รู้สึกว่า ตนเสียประโยชน์จนเกินไป การต่อรองนั้นก็คงจบลงด้วยความล้มเหลว

การต่อรองที่เป็นสุดยอดในจินตนาการของผม คือ "ถ้าคุณเป็นคนแบ่งเค้ก ผมจะเป็นคนเลือกเค้กก่อน แต่ถ้าคุณให้ผมแบ่งเค้ก ผมจะให้คุณเป็นคนเลือกก่อน" หมายความว่า ถ้าเราเป็นผู้แบ่งเค้ก เราควรจะต้องตัดเค้กให้มีขนาดชิ้นที่ใกล้เคียงกันที่สุด เพื่อที่ว่า คนที่ได้สิทธิ์เลือกก่อน ไม่ว่าจะเลือกชิ้นไหนไป เราก็จะรู้สึกพอใจ เพราะเราเป็นผู้แบ่งเค้กด้วยตัวเอง เช่นกันว่า ถ้าอีกฝ่ายขอเป็นผู้แบ่งเค้ก ก็อย่ายืมบอกเค้าไปว่า ยินดี แต่ขอเราเป็นผู้เลือกชิ้นเค้กที่ตัดแบ่งก่อน

อย่างที่บอกล่ะครับ มันเป็นจินตนาการ สถานการณ์แบบนี้เกิดจริงได้ค่อนข้างยาก แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีเอาซะเลย ตัวอย่างที่ชัดมากก็เช่น การเสนอซื้อ-ขายหุ้น ระหว่างหุ้นส่วนบริษัทนั่นแหละครับ ถ้าอีกฝ่ายเป็นผู้ตั้งราคา แล้วหุ้นส่วนอีกฝ่ายไม่ซื้อ ผู้ตั้งราคาก็จะต้องเป็นผู้ซื้อหุ้นจากฝ่ายที่ปฏิเสธด้วยราคาที่ตนเองเสนอ หรือให้สิทธิ์อีกฝ่ายซื้อหุ้นในราคาที่ผู้ตั้งราคาเสนอ แปลว่า ถ้าเสนอราคาไม่เป็นธรรม ตนเองก็จะต้องรับผลจากความไม่เป็นธรรมนั้นด้วยนั่นเอง

สำหรับกรอบคร่าวๆ ที่ผมมักจะใช้ในการเจรจาต่อรองก็คือ

1.ประเมินว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรจากสิ่งที่กำลังต่อรอง
2.เริ่มการต่อรองด้วยสิ่งที่เค้าอยากได้ก่อน
3.เริ่มเจรจาจากเรื่องง่ายไปหาเรื่องยากเสมอ
4.เสนอสิ่งที่เราต้องการ พร้อมเหตุผลและข้อมูลที่ครบถ้วน และเป็นตรรกะ ไม่ใช่อารมณ์
5.ระหว่างการต่อรอง หากยังหาข้อสรุปไม่ได้ ให้พักเบรคหรือเลื่อนวาระไปไว้ตอนท้าย
6.ยึดหลักในการ trade-off เช่น ถ้าคุณอยากได้ข้อนั้น งั้นผมขอให้ปรับเปลี่ยนข้อนี้
7.หากเห็นว่า ไม่สามารถจบได้ด้วยการตกลงกันเอง ให้เชิญคนกลางมาช่วยฟัง

ถ้าเป็นการต่อรองการค้า ควรเน้นไปที่ข้อ 2

ถ้าต่อรองกับคนที่อยู่ระดับเท่าๆ กัน เน้นไปที่ข้อ 6

ถ้าต่อรองกับเจ้านาย ให้เน้นไปที่ข้อ 4

ถ้าต่อรองกับลูกน้อง ให้เน้นไปที่ข้อ 1

สำหรับคุณผู้ชายทั้งหลาย ถ้าต้องต่อรองกับแฟนหรือภรรยา ผมจะถามว่า คิดดีแล้วหรือ? ^^

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...