Post#281:
วันก่อน ผมอ่านเจอใน Facebook เค้าเล่าว่า ความเป็นคนมีสตางค์กับความเป็นคนมีสไตล์ เป็นคนละเรื่องกัน
อ่านแล้วก็นั่งวิเคราะห์ตามประสาคนอยู่นิ่งๆ ไม่เป็น ผมก็เห็นว่าจริงอย่างที่เค้าว่า
คนที่มีสตางค์เยอะอาจมีโอกาสจับจ่ายมากกว่าคนที่มีกำลังซื้อน้อย เลือกหาแฟชั่นล่าสุด ไม่ว่าจะมาจากแคตวอล์กไหน ก็ไม่ได้ลำบาก เรียกว่าแบรนด์เนมตั้งแต่หัวจรดเท้า ว่ายังงั้น
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า นายแบบหรือนางแบบใส่แล้วดูดี แล้วการที่เราซื้อหามาใส่ จะทำให้เราดูดีเหมือนพวกเค้าเสมอไป
บ่อยครั้งที่ผมเห็น ท่านบรรดาผู้มีอันจะกินทั้งหลาย ปรากฏกายมาในแฟชั่นแบรนด์เนมอย่างที่ว่า แล้วปวดใจ เพราะมันออกแนวมิกซ์แอนด์โนแมทช์ (mix and no match)
พูดแบบนี้ ไม่ใช่ว่าผมเป็นแฟชั่นกูรู หรือว่าเป็นพวกองุ่นเปรี้ยวหรอกนะครับ ผมออกจะเป็นแนวแต่งตัวเหมือนกันทุกวัน เสมือนเป็นเครื่องแบบซะด้วยซ้ำ
ส่วนอีกพวก เป็นพวกสไตล์อยู่ในสายเลือด เรียกว่า แต่งตัวด้วยแบรนด์เนมก็ได้ แต่งด้วยเสื้อผ้าเรียบง่ายแต่ดูดี ก็ไม่ขัดเขิน ซึ่งอาจเป็นผู้มีอันจะกินก็ได้ หรือบางท่านอาจจะไม่ได้มีกำลังซื้อมากนัก
มีสตางค์อาจซื้อสไตล์ไม่ได้ และมีสไตล์อาจจะไม่ต้องมีสตางค์ บางคนอาจมีทั้งสตางค์และสไตล์ และบางคนอาจจะอยากจะมีสไตล์เมื่อมีสตางค์ งงมั๊ยครับ อิอิ
ถ้ามองภาพตัวเองไม่ออก ก็จะหาสไตล์ตัวเองไม่เจอ เมื่อไม่อยู่กับตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง จะสวมอะไรจะใส่แบบไหน มันก็ไม่ใช่อยู่นั่นเอง
เป็นลูกแกะห่มหนังเสือ คนอื่นมองแว่บแรกอาจจะตกใจ แต่เมื่อเวลาผ่านไป เค้าก็รู้ครับ ว่าเราเป็นแกะ ถ้าไม่ได้เป็นคนดีมาจากข้างใน เวลาผ่านไปเปลือกแตก ตัวตนที่แท้จริงก็โผล่อยู่ดี
ว้า คุยเรื่องเสื้อผ้าอยู่ดีๆ แวะมาเป็นเรื่องธรรมะซะงั้น เอาเป็นว่า สุขสันต์วันอาทิตย์ครับ ผมขอตัวไปช้อปปิ้งก่อนครับ ^^
Comments
Post a Comment