Post#274:
หน้าฝนทีไร เราก็มักจะมีปัญหากับการจราจรเป็นเท่าทวี หรือเรียกว่า ฝนตกทำให้รถติด ก็น่าจะพูดได้เต็มปาก
แต่สาเหตุที่ทำให้รถติดไม่ได้เกิดจากฝนเสมอไป งงมั๊ยครับ?
เหตุๆ หนึ่งอาจก่อให้เกิดผลลัพธ์ตามมาได้หลากหลาย และผลลัพธ์หนึ่งๆ อาจเกิดจากเหตุปัจจัยที่แตกต่างกันได้เช่นกัน
แต่น่าแปลกตรงที่ ผู้คนส่วนใหญ่มักชอบด่วนสรุปความกับผลลัพธ์ที่อยู่ตรงหน้า โดยโยงไปหาสาเหตุที่คนส่วนใหญ่เชื่อว่ามันเป็น โดยไม่แม้แต่จะสืบค้นหาที่มาที่แท้จริง ก่อนที่จะปักใจเชื่อ
เช่น เห็นว่า ถนนเปียก ก็จะลงความเห็นโดยทันที ว่าเกิดจากฝนตก ซึ่งส่วนใหญ่น่ะใช่ แต่ก็ไม่แน่เสมอไป ต้องอาศัยปัจจัยแวดล้อมอื่นด้วย (เช่น ได้กลิ่นฝน, เห็นเม็ดฝนโปรยปรายอยู่, ฯลฯ) จึงจะลงความเห็นได้ว่า ถนนเปียก เพราะฝนตกจริงๆ
เห็นใครบางคนแต่งตัวธรรมดา ไม่ได้ใส่แบรนด์เนม ก็สรุปความว่า เค้าไม่ค่อยมีฐานะ โลว์คลาส ทั้งที่จริงๆ แล้วเค้าอาจร่ำรวยกว่าเรา แต่ไม่ได้ตกเป็นเหยื่อของความฟุ้งเฟ้อ หรือวันนั้นเค้าแค่อยากสบายๆ บ้างก็ได้
ความที่ผู้คนส่วนใหญ่รีบสรุปความนี่แหล่ะครับ เป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญของความยุ่งเหยิงต่างๆ ในชีวิต และปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ก็เอื้อให้เราเป็นแบบนั้นซะด้วย จะโทษว่าเป็นเพราะเหตุดังนี้ เราจึงเป็นแบบนี้ ก็คงพอได้
แต่เมื่อเราเริ่มรู้ตัวแล้ว ว่าเรากำลังตกอยู่ในวังวนของการเรียนรู้โดยปราศจากการวิเคราะห์กลั่นกรอง เราจะมีวิธีเตือนสติตัวเองยังไง? เรื่องนี้เป็นเรื่องยากมาก แต่ครั้งพุทธกาลล่วงเลยมาเป็นพันๆ ปี ผู้คนส่วนใหญ่ก็ยังไม่รู้สึกตัว ว่ากำลังหลงไปกับ "ความจริงที่เห็น" ไม่ใช่ "ความจริงที่เป็น" อยู่นั่นเอง
เรามักจะบอกคนอื่นได้อย่างสวยหรู ว่าเรารู้จัก "กาลามสูตร" แต่ในความเป็นจริง เรารู้จักด้วยการบอกเล่า และท่องจำ หาใช่เกิดจากการนำไปคิด วิเคราะห์ และปฏิบัติไม่
ก็ในเมื่อผู้คนส่วนใหญ่เลือกที่จะเชื่อโดยปราศจากเหตุและผลอันควร ก็ไม่น่าแปลกใจอันใด ที่ชีวิตจะติดอยู่ในวังวนเดิมๆ และที่น่าจะส่งผลไปถึงลูกๆ หลานๆ ในอนาคตก็คือ เราเชื่อตามที่บอกเราตามๆ กันมา นานเกินไปแล้ว นานจนทำให้เราไม่กล้าเชื่อในความต่าง ทำให้เราเชื่อคนอื่นว่า ความคิดต่างของเรานั้นผิด ผิดเพราะเชื่อไม่เหมือนคนส่วนใหญ่ ต้องเชื่อเหมือนคนส่วนใหญ่สิ จึงจะถูก
หากเราเชื่อแต่ความจริงที่เห็น มากกว่าความจริงที่เป็น หากเราเชื่อโดยไม่กลั่นกรอง หากเราเชื่อตามคนส่วนใหญ่ ผมนึกไม่ออกจริงๆ ว่าลูกหลานของเราจะเติบโตเป็นคนที่ต่างออกไปจากคนส่วนใหญ่ทั่วไปได้ยังไง?
ผมว่าเราเริ่มได้ตั้งแต่วันนี้ เดี๋ยวนี้ครับ คิดก่อนจะเชื่อ แล้วเราจะพบว่า "มุมมองต่อชีวิต" น่ะมันแตกต่างกว่าที่เคยครับ ^^
หน้าฝนทีไร เราก็มักจะมีปัญหากับการจราจรเป็นเท่าทวี หรือเรียกว่า ฝนตกทำให้รถติด ก็น่าจะพูดได้เต็มปาก
แต่สาเหตุที่ทำให้รถติดไม่ได้เกิดจากฝนเสมอไป งงมั๊ยครับ?
เหตุๆ หนึ่งอาจก่อให้เกิดผลลัพธ์ตามมาได้หลากหลาย และผลลัพธ์หนึ่งๆ อาจเกิดจากเหตุปัจจัยที่แตกต่างกันได้เช่นกัน
แต่น่าแปลกตรงที่ ผู้คนส่วนใหญ่มักชอบด่วนสรุปความกับผลลัพธ์ที่อยู่ตรงหน้า โดยโยงไปหาสาเหตุที่คนส่วนใหญ่เชื่อว่ามันเป็น โดยไม่แม้แต่จะสืบค้นหาที่มาที่แท้จริง ก่อนที่จะปักใจเชื่อ
เช่น เห็นว่า ถนนเปียก ก็จะลงความเห็นโดยทันที ว่าเกิดจากฝนตก ซึ่งส่วนใหญ่น่ะใช่ แต่ก็ไม่แน่เสมอไป ต้องอาศัยปัจจัยแวดล้อมอื่นด้วย (เช่น ได้กลิ่นฝน, เห็นเม็ดฝนโปรยปรายอยู่, ฯลฯ) จึงจะลงความเห็นได้ว่า ถนนเปียก เพราะฝนตกจริงๆ
เห็นใครบางคนแต่งตัวธรรมดา ไม่ได้ใส่แบรนด์เนม ก็สรุปความว่า เค้าไม่ค่อยมีฐานะ โลว์คลาส ทั้งที่จริงๆ แล้วเค้าอาจร่ำรวยกว่าเรา แต่ไม่ได้ตกเป็นเหยื่อของความฟุ้งเฟ้อ หรือวันนั้นเค้าแค่อยากสบายๆ บ้างก็ได้
ความที่ผู้คนส่วนใหญ่รีบสรุปความนี่แหล่ะครับ เป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญของความยุ่งเหยิงต่างๆ ในชีวิต และปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ก็เอื้อให้เราเป็นแบบนั้นซะด้วย จะโทษว่าเป็นเพราะเหตุดังนี้ เราจึงเป็นแบบนี้ ก็คงพอได้
แต่เมื่อเราเริ่มรู้ตัวแล้ว ว่าเรากำลังตกอยู่ในวังวนของการเรียนรู้โดยปราศจากการวิเคราะห์กลั่นกรอง เราจะมีวิธีเตือนสติตัวเองยังไง? เรื่องนี้เป็นเรื่องยากมาก แต่ครั้งพุทธกาลล่วงเลยมาเป็นพันๆ ปี ผู้คนส่วนใหญ่ก็ยังไม่รู้สึกตัว ว่ากำลังหลงไปกับ "ความจริงที่เห็น" ไม่ใช่ "ความจริงที่เป็น" อยู่นั่นเอง
เรามักจะบอกคนอื่นได้อย่างสวยหรู ว่าเรารู้จัก "กาลามสูตร" แต่ในความเป็นจริง เรารู้จักด้วยการบอกเล่า และท่องจำ หาใช่เกิดจากการนำไปคิด วิเคราะห์ และปฏิบัติไม่
ก็ในเมื่อผู้คนส่วนใหญ่เลือกที่จะเชื่อโดยปราศจากเหตุและผลอันควร ก็ไม่น่าแปลกใจอันใด ที่ชีวิตจะติดอยู่ในวังวนเดิมๆ และที่น่าจะส่งผลไปถึงลูกๆ หลานๆ ในอนาคตก็คือ เราเชื่อตามที่บอกเราตามๆ กันมา นานเกินไปแล้ว นานจนทำให้เราไม่กล้าเชื่อในความต่าง ทำให้เราเชื่อคนอื่นว่า ความคิดต่างของเรานั้นผิด ผิดเพราะเชื่อไม่เหมือนคนส่วนใหญ่ ต้องเชื่อเหมือนคนส่วนใหญ่สิ จึงจะถูก
หากเราเชื่อแต่ความจริงที่เห็น มากกว่าความจริงที่เป็น หากเราเชื่อโดยไม่กลั่นกรอง หากเราเชื่อตามคนส่วนใหญ่ ผมนึกไม่ออกจริงๆ ว่าลูกหลานของเราจะเติบโตเป็นคนที่ต่างออกไปจากคนส่วนใหญ่ทั่วไปได้ยังไง?
ผมว่าเราเริ่มได้ตั้งแต่วันนี้ เดี๋ยวนี้ครับ คิดก่อนจะเชื่อ แล้วเราจะพบว่า "มุมมองต่อชีวิต" น่ะมันแตกต่างกว่าที่เคยครับ ^^
Comments
Post a Comment