Skip to main content

Post#279: นกเลือกกิ่งไม้ vs กบเลือกนาย

Post#279:
วันก่อนมีโอกาสได้ไปเจออดีตลูกน้อง 2 ท่าน คุยกันเรื่องนั่น นู่น นี่ มากมายก่ายกอง

ตอนหนึ่งของการสนทนา ผมพูดถึงประโยคที่ผมชอบพูดถึงบ่อยๆ คือ "นกดีย่อมเลือกกิ่งไม้เกาะ" ซึ่งมันแตกต่างจาก "กบเลือกนาย" แบบสิ้นเชิง แม้ฟังดูเผินๆ จะคล้ายกันมากครับ

ตามธรรมเนียมครับ คิดกันซัก 3 นาทีมั๊ยครับ ว่า 2 แบบนี้ ต่างกันยังไงแน่?

...

"นกดีย่อมเลือกกิ่งไม้เกาะ" หมายความว่า เราต้องวิเคราะห์ว่า ใครเหมาะสมที่จะเป็นนายของเรา ใครที่เราไปทำงานด้วย แล้วช่วยให้เราเติบโตขึ้นทั้งฝีมือและจิตใจ เรียกว่า จะไปเป็นลูกน้องใครทั้งที ก็ขอเลือกซะหน่อยเถอะ ว่านายเราน่ะ เจ๋งจริงรึเปล่า ถ้าเจ๋งไม่พอ เราก็จะไม่ขอไปฝากชีวิตไว้ด้วย ว่ายังงั้น

ส่วน "กบเลือกนาย" ที่เราได้ยินได้ฟังมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย ผ่านผู้เฒ่าผู้แก่บ้าง ผ่านนิทานอีสปบ้าง (เด็กสมัยนี้ ยังอ่านนิทานอีสปรึเปล่าครับ ใครทราบช่วยบอกที) เป็นการเลือกนายเหมือนกัน แต่เป็นการเลือกแบบไม่ได้ใช้ปัญญาในการเลือก ดีแต่ตำหนินายว่าไม่ดียังงั้น แย่ยังงี้ ไม่มีนายคนไหนดีในสายตาเลย แต่ก็บอกไม่ได้ด้วย ว่านายที่ดีที่ตัวเองอยากได้น่ะเป็นแบบไหน ยังไง เทวดาท่านจึงลงโทษซะ

กว่าจะเป็น "นกดี" ได้ ต้องผ่านการขัดเกลา ฝึกฝน มาพอควร ต้องอดทน อดกลั้น มาพอแรง จึงจะทำให้เราแกร่งกล้าพอที่จะประเมิน "คน" ได้บ้าง ดังนั้น ในช่วงที่พรรษายังน้อยๆ อยู่ จึงต้องเตือนตนให้ดีครับ อย่าตีโพยตีพายโทษนั่น นู่น นี่ ชี้ออกแต่เพียงอย่างเดียว เพราะนั่นจะเป็นการผลักให้เรากลายเป็น "กบ" ไม่ใช่ "นกดี" อย่างที่ผมร่ายไว้

ส่วน "กิ่งไม้" ทั้งหลาย ก็ควรหมั่นพิจารณาและไตร่ตรองด้วยเช่นกันครับ ว่า "นก" ที่มาเกาะน่ะ ส่งเสริมให้กิ่งไม้น่าดูน่าชม หรือว่าทำให้คนอื่นเห็นแล้วเบือนหน้าหนี ถ้ารักลูกน้องจริง อยากให้เค้าได้ดี ต้องหมั่นตักเตือน แนะนำ อย่าละเลยนะครับ เดี๋ยวจะสายเกินไป

ทำให้ลูกน้อง "รัก" น่ะง่าย แต่ทำให้ลูกน้อง "ได้ดี" น่ะยากครับ

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...