Post#289:
บ่ายวันนี้ ผมมีโอกาสได้มานำเสนองานให้กับเพื่อนรุ่นน้องท่านหนึ่ง ที่ไม่ได้เจอกันมานานพอดู
จริงๆ แล้ว เรารู้จักกันมายาวนานเกือบจะสิบปีเห็นจะได้ ด้วยเหตุทางธุรกิจ (แต่ในครั้งนั้น ผมอยู่ในฐานะลูกค้า) ก็ได้ทำงานร่วมกัน ผ่านทั้งปัญหาและเจอทั้งอุปสรรคหลายๆ อย่างร่วมกัน จึงทำให้คุ้นเคยและเห็นเนื้อแท้ของกันและกันพอสมควร โดยเฉพาะผมเคารพคุณพ่อของเพื่อนรุ่นน้องนี้เป็นพิเศษ ได้เรียนรู้และต่อยอดจากหลักคิดของท่านมาค่อนข้างมาก
ต่อเมื่อผมมาเปิดบริษัทของตัวเอง ก็ยังได้อาศัยแลกเปลี่ยนแนวคิดกับท่านและเพื่อนรุ่นน้องท่านนี้อยู่บ้าง มาห่างกันในช่วงหลังๆ ประมาณปีกว่าๆ เพราะแวดวงที่ผมทำงานอยู่ ไม่มีอะไรเกี่ยวพันกับท่านและเพื่อนรุ่นน้องของผมเลย
จนมาถึงเมื่อสัปดาห์ก่อน ผมก็โทรหาเพื่อนรุ่นน้องท่านนี้ เพื่อจะขอโอกาสไปนำเสนอสินค้า เผื่อว่าจะทำงานอะไรบางอย่างร่วมกันได้
ทั้งนี้น้องเค้าก็ยุ่งแสนยุ่ง แต่ก็ยังสละเวลาให้ผมได้เข้าพบ และที่สำคัญคุณพ่อท่านยังรอพบผม ทั้งที่ท่านก็มีนัดอยู่แล้วด้วย และแม้จะไม่ได้ใช้เวลานำเสนองานมากนัก แต่ท่านก็ได้ฝากฝังให้เพื่อนรุ่นน้องของผมลองนำไปพิจารณาต่อ ดูว่าพอจะช่วยอะไรผมได้บ้าง และเพื่อนรุ่นน้องของผมก็ยังเลี้ยงข้าวผมอีก ทั้งๆ ที่ผมเป็นฝ่ายมาขอความช่วยเหลือ
การที่บริษัทที่ใหญ่กว่าผมเป็นสิบๆ เท่า จะหันมาให้ความช่วยเหลือบริษัทเล็กๆ ของผมได้นั้น เป็นอะไรที่เกินเชื่อได้สำหรับวิถีของธุรกิจในยุคปัจจุบัน ที่ผลประโยชน์เป็นเรื่องใหญ่กว่าเรื่องใดทั้งหมด
อะไรเป็นเหตุให้ผมได้รับความช่วยเหลือแบบนี้?
แน่นอนว่า ทุกอย่างย่อมมีเหตุปัจจัย และผมตอบได้อย่างมั่นใจว่า เพราะเมื่อครั้งที่เคยทำงานร่วมกันก็ดี หรือระหว่างที่พบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนแนวคิดและมุมมองทางธุรกิจก็ดี ผมก็ทำทุกอย่างเป็นอย่างดีที่สุด ทำอะไรได้ก็ทำให้ และไม่ได้คิดว่า จะมีวันนี้ วันที่ผมกลับสภาพจาก "ผู้ซื้อ" มาเป็น "ผู้ขาย" เปลี่ยนสภาพจาก "ผู้ให้" มาเป็น "ผู้รับ" บ้าง
ผมไม่สามารถจะรู้หรือคาดเดาอนาคตได้ ดังนั้นสิ่งที่ผมทำในอดีต ไม่ได้เพื่อผลในวันนี้อย่างแน่นอน
แล้วผมมาเล่าเรื่องนี้เพื่ออะไร?
ย่อมไม่ใช่การมาอวดอ้างว่าผมเป็นคนดี แต่เพื่อเป็นกำลังใจให้คนที่ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด ได้รับรู้ ว่าผลแห่งการกระทำใดในวันนี้ ย่อมส่งผลบางอย่างแน่ๆ ไม่ช้าก็เร็ว อาจจะไม่เห็นผลในวันพรุ่งนี้ แต่วันต่อๆ ไปน่ะ มาแน่ และทำสิ่งใดไว้ ย่อมได้สิ่งนั้นตอบแทน ทำสิ่งดีย่อมได้สิ่งดี เช่นที่ผมกำลังได้รับ เพราะแน่นอนว่า ถ้าในวันที่ผ่านๆ มา ผมไม่ได้ทำสิ่งที่ดี วันนี้ผมคงไม่ได้รับความช่วยเหลือถึงเพียงนี้
นี่เองเป็นบทพิสูจน์ว่า ผลแห่งอนาคต ล้วนมีเหตุจากอดีต นี่เองเป็นเครื่องยืนยันว่า ทำสิ่งใดไว้ ย่อมได้ผลจากสิ่งนั้น และที่สำคัญยิ่งก็คือ นี่ก็เป็นตัวบ่งชี้ว่า "น้ำใจจากมิตรแท้" ยังคงมีอยู่จริง แม้เราจะอยู่ในยุคแห่งผลประโยชน์และการแก่งแย่ง ก็ตาม
แม้วันนี้ ผมจะยังไม่ทราบ ว่าผลลัพธ์ในการเจรจาธุรกิจกับเพื่อนรุ่นน้องของผมจะเป็นอย่างไร แต่ผมรู้ซึ้งในใจ ว่า "น้ำใจ" ที่ผมได้รับนั้น คุ้มค่าแล้วกับ "ความเป็นเพื่อน" ที่ผมและเค้ามีต่อกันเสมอมา
ดังนั้น ใครที่ทำดีในวันนี้ เชื่อเถอะครับว่า อนาคตของเราต้องมีคนดีๆ มาช่วยเหลือ หรือจะมีสิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิต ย้ำว่า ขณะที่ทำดีนั้น ไม่ต้องคาดหวังหรอกครับ ทำด้วยจิตใจที่ดี เราก็จะสุขใจตั้งแต่ที่เราทำแล้ว ส่วนผลแห่งกรรมดี/ชั่ว ที่เราทำ วันหนึ่งมันต้องกลับมาหาเราแน่ๆ เหมือนบูมเมอแรง
วันนี้ออกแนวธรรมะนะครับ อิอิ ^^
Comments
Post a Comment