Skip to main content

Post#267: นัดไม่เป็นนัด

Post#267:
ผมตื่นแต่เช้าตรู่ เพราะวันนี้มีนัดไปออกรอบต่างจังหวัดกับเพื่อน

แต่แล้ว พอถึงเวลานัด ก็พึ่งจะได้รับทราบว่า เค้ายกเลิก -*- ซึ่งเป็นการยกเลิกที่เรียกว่า ไม่ค่อยจะมีความรับผิดชอบอย่างยิ่ง เพราะเค้ายกเลิกนัดเมื่อ 5 ทุ่มคืนวาน ผ่านเลขาฯ ของผม และไม่ได้แจ้งให้ผมทราบโดยตรง แม้ว่าปัจจุบันการสื่อสารถึงกัน จะทำได้ง่ายแค่ขยับปลายนิ้ว

ส่วนท่านเลขาฯ ผมก็โดนเฉ่งตามระเบียบล่ะครับ เพราะรู้เมื่อคืน แต่มาแจ้งผมเมื่อเช้า ด้วยเหตุผลไม่อยากรบกวน เพราะมันดึก แต่ผมต้องมาตื่นแต่เช้า (ไม่นับวิ่งวุ่นจัดการธุระให้เสร็จตั้งแต่เมื่อวาน) นี่ ท่านเลขาฯ ไม่ได้คิด

เหตุผลของเค้า เท่าที่ผมฟังผ่านเลขาฯ ก็คือ เค้ามีเรื่องไม่สบายใจ ก็เลยยกเลิก...ฟังดูก็เหมือนน่าเห็นใจครับ แต่ถ้าคิดอีกที ก็ออกจะเป็นเหตุผลที่เป็นส่วนตัวไปนิดนึง ซึ่งจริงๆ แล้ว ผมคิดว่า การนัดแล้วยกเลิกนัด ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็แล้วแต่ เป็นสิ่งที่ทำได้ แต่การเลือกวิธีการในการยกเลิกนัดต่างหาก ที่ทำให้ฝ่ายที่ถูกยกเลิกนัดต้องขุ่นใจ

ส่วนเหตุผลของการยกเลิกแบบกะทันหันนั้น ถ้าเกิดจากเหตุสุดวิสัย ผมว่าใครๆ ก็รับได้ เช่นอุบัติเหตุ, เรื่องเร่งด่วนไม่คาดฝัน, ฯลฯ แต่ถ้ายกเลิกกะทันหันแบบ "จะทำไม กรูอารมณ์ไม่ดี" แบบที่ผมเจอนี่ เห็นทีจะคุยกันได้ยากอยู่ เพราะไม่รู้ว่า คุณท่านจะอารมณ์ไม่ดีกะทันหันแบบนี้อีกเมื่อไหร่ในอนาคต

ถ้าอารมณ์แปรปรวน แล้วไม่กระทบคนอื่น คงไม่มีใครต่อว่า แต่ถ้าอารมณ์ 'ติสต์แตก แล้วทำให้คนอื่นเดือดร้อน ก็ควรระวังคนอื่นเค้าจะ 'ติสต์แตก คืนบ้าง เพราะอารมณ์แบบนี้ ไม่โดนกับตัวเองบ้าง ผมว่าเค้าไม่ค่อยเข้าใจ มนุษย์ที่มีตัวเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาลนี่คบยาก และสุดท้ายก็จะไม่เหลือใครคบ

ย้ำอีกทีนะครับ ว่าการยกเลิกนัดกะทันหันนั้น เหตุผลจะเหมาะสมหรือไม่ ขึ้นอยู่กับมุมมอง เป็นเรื่องของอารมณ์ แต่วิธีการแจ้งการยกเลิกที่เหมาะสมนั้น เป็นมารยาททางสังคม เป็นเรื่องที่ต้องผ่านการกลั่นกรองด้วยสมอง ไม่ใช่เอาแต่ใจ

หวังว่า มนุษย์เผ่าพันธุ์นี้ จะลดลงเรื่อยๆ ครับ เพื่อโลกจะได้น่าอยู่มากขึ้น (จบขมๆ อีกละ ว้าาาาา)

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...