Skip to main content

Post#296: กล้าท้วงในสิ่งที่ไม่ถูกไม่ควร

Post#296:
เมื่อเช้าผมตื่นสาย เพราะลืมตั้งเวลาปลุก

ปกติ 7 โมงนิดๆ ผมต้องออกจากบ้านแล้ว แต่วันนี้ 7 โมงครึ่ง ผมยังอยู่บนที่นอน >_<"

โทษใครก็ไม่ได้ โกรธใครก็ไม่ควร ในเมื่อผมเป็นคนผิดเอง และที่บ้านก็ไม่มีใครกล้าปลุก เพราะนึกว่าวันนี้ผมตั้งใจจะออกจากบ้านสายหน่อย

เรื่องนี้สะท้อนอะไรบ้าง?

ถ้านี่เป็นเรื่องในบริษัทฯ แล้วถ้าเราเห็นว่า คนที่เป็นผู้นำ ทำอะไรที่แปลกไปจากแผนเดิม หรือทำอะไรที่ไม่น่าจะถูกทาง เราควรจะทักท้วงหรือไม่?

บ่อยครั้งที่องค์กรเดินไปผิดทาง ก็ด้วยเพราะความที่เราไม่กล้าทักท้วงนี่แหละครับ!

เรามักจะนึกว่าเรื่องระดับนโยบายเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ เราเป็นเด็กๆ ไม่เกี่ยวหรอก หรือถึงแม้รู้ทั้งรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่ก็ไม่กล้าทักท้วง เพราะกลัวจะถูกผู้ใหญ่ตำหนิ

ในความเป็นจริง ถ้าเราทักท้วงหรือสอบถามด้วยเหตุและผล เลือกเวลาและสถานที่ที่เหมาะสมในการคุยกับผู้ใหญ่ ไฉนเลยผู้ใหญ่จะไม่ฟัง

คนในระดับกำกับดูแลทั้งหน่วยงานหรือทั้งองค์กร ควรจะมีวิจารณญาณที่ดีในระดับที่ตีความได้ชัดเจน ว่าเราสอบถามหรือท้วงติงด้วยเจตนาอะไร หวังดีหรือแดกดัน

ฉะนั้น ถ้าเป็นเรื่องที่กระทบองค์กรหรือชีวิตของเรา อย่าลังเลที่จะตั้งข้อสังเกตและทำหน้าที่ของเราในฐานะส่วนหนึ่งขององค์กร อย่างเหมาะสมแก่เหตุ, กาละ และเทศะ

ถ้าเราท้วงติงแล้วถูกต่อว่า ก็อย่าน้อยใจไปครับ ค่าที่ว่าเราได้ทำหน้าที่ของเราแล้ว

แต่ถ้าการท้วงติงของเรา ส่งผลในเชิงบวกต่อองค์กร เรานี่แหละครับ จะเป็นคนที่ควรจะภูมิใจที่สุด เพราะเราได้แสดงให้ผู้ใหญ่เห็นแล้ว ว่าเรายึดมั่นในสิ่งที่ถูกที่ควร มากกว่าจะยึดตามแต่นายเป็นหลัก


คุณสมบัติแห่งการยืนหยัดเพื่อสิ่งที่ถูกที่ควรนี้ เป็นหนึ่งในคุณสมบัติของคนที่มีภาวะผู้นำสูง พึงต้องมีครับ ^^Post

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...